[นิยายวาย-แปลไทย] Turning บทที่ 40
มันเป็นอย่างไรบ้าง?
เวลานี้เองที่ยูเดอร์เข้าใจว่าคำสั่งของคีเซียร์ ที่จะนำกล่องมานั้นไม่ได้ไร้ความคิด
'ลองคิดดูสิ'
เขาจำได้ว่า
เขาคิดว่าเริ่มคุ้นเคยกับพลังงานที่เล็ดลอดออกมาจากศิลาสีชาด มากกว่าที่เคยเป็นเมื่อวันก่อน
เขายังได้คุยกับคาเคนเรื่องนี้เลย
เป็นไปได้ไหมว่าเขาไม่ได้แค่คุ้นเคยกับมัน?
“…ข้าคิดว่า ข้าเริ่มคุ้นเคยกับพลังงานที่มันปล่อยออกมามากกว่าเมื่อวานแล้ว”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าคุ้นเคยกับมันแล้ว
แต่ศิลาสีชาดนั้นอ่อนแอลง”
คำตอบของ
คีเซียร์นั้นกระชับ
“พลังงานที่มันปล่อยออกมาลดลงเล็กน้อยในวันนี้
เจ้าไม่เห็นแบบนั้นเหรอ?”
จู่ๆ
ยูเดอร์ก็หันศีรษะไปมองกล่องที่เขาวางไว้ด้านหลังเสา เขาไม่สามารถมองเห็นศิลาสีชาดข้างหลังได้
แต่ยังคงมองเห็นพลังงานที่มันปล่อยออกมาได้
พลังงานประหลาดที่ทำให้บริเวณโดยรอบรู้สึกหนักหน่วงและรู้สึกเสียวซ่าราวกับอยู่ใต้น้ำลึก
อย่างที่คีเซียร์พูด
หากพลังลดลงเล็กน้อยจากเมื่อวาน ก็ต้องมีเหตุผล มีสาเหตุที่น่าเชื่อถือหรือไม่?
'...มันอาจจะเป็นเพราะ?'
“เป็นเพราะเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้?
เพราะพลังงานที่ปล่อยออกมาจากศิลาสีชาด?”
ยูเดอร์กล้าที่จะพูด
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
“ข้าคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น
ไม่มีคำอธิบายอื่นใด”
รอยยิ้มที่พึงพอใจปรากฏบนใบหน้าของคีเซียร์
ราวกับว่าเขากำลังพูดคุยกับคู่สนทนาที่เข้าใจเขาดี
“ยูเดอร์
เจ้าฉลาดพอที่จะเข้าใจว่านั่นหมายถึงอะไรใช่ไหม”
"...พลังงานที่บรรจุอยู่ในหินนั้น ไม่ได้ไร้ขีดจำกัดสินะครับ"
'ถูกต้อง'
แม้ว่า คีเซียร์จะไม่ตอบกลับ ยูเดอร์ก็เข้าใจสิ่งที่เขาพยายามจะพูด
เขาพยายามระงับความประหลาดใจของตัวเอง
เขาไม่เคยได้ยินข้อมูลดังกล่าวในช่วงสิบเอ็ดปีที่ผ่านมา
เมื่อเปรียบเทียบกับศิลาสีชาดแล้ว ลูกพิภพก็เป็นเพียงเปลือกหอย
พลังของมันเกือบจะหมดลงแล้ว และไม่สามารถกู้คืนสิ่งที่สูญหายไปแล้วได้
แต่ถ้าตามที่
การคาดเดาของคีเซียร์ พลังมหาศาลที่ปล่อยออกมาจากศิลาสีชาดนั้นไม่ได้ไร้ขีดจำกัดแต่มีขอบเขต
เช่นเดียวกับน้ำในขวด นั่นก็จะหมายถึง...
'งานชำระล้างที่หอคอยไข่มุกทำในอดีต
อาจเป็นความพยายามที่จะแยกพลังของหินออกมาใช่หรือไม่'
ย้อนกลับไปตอนนั้น
เขาคิดว่านักเวทย์ที่ถูกกลืนกินโดยการวิจัยของพวกเขา กำลังทำลายและสกัดหินออกไป
ทำให้พลังโดยธรรมชาติของมันกระจายออก
แต่ถ้านั่นเป็นความตั้งใจล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีคนพยายามที่จะแยกพลังภายในออกจากกัน
เช่นเดียวกับยูเดอร์ในอดีตที่ต้องการครอบครองพลังภายในหิน...?
'...นี่เป็นการคาดเดามากเกินไปในตอนนี้'
ยูเดอร์พยายามระงับความคิดที่ซับซ้อนของเขา
โดยฟังคำพูดของคิเชียร์ต่อ
“พลังงานที่มีอยู่ในหินนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากมานาใด
ๆ ที่เคยมีมา
มันน่าทึ่งมากที่มันสามารถมีอิทธิพลต่อมนุษย์ได้ด้วยการปรากฏตัวของมัน
เราจำเป็นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดรั่วไหลออกมาระหว่างการขนส่ง
เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดไหม?”
"...เมื่อเรารวมตัวข้าจะถ่ายทอดสิ่งนี้ให้คนอื่นๆทราบ "
ผู้ปลุกพลังไม่สามารถสัมผัสหินได้โดยตรงเพื่อปกป้องมัน
ขณะที่พวกเขากลับไปยังเมืองหลวง แม้ว่าจะฟังดูง่าย แต่ยูเดอร์ก็จำ'อุบัติเหตุ'เล็กน้อยที่เกิดขึ้นระหว่างงานนี้ในอดีตได้
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเอง
ที่กลายเป็นตัวเร่งให้ คีเซียร์ชักดาบศักดิ์สิทธิ์และประกาศว่าตัวเองว่าเป็นเจ้านายคนใหม่ของมัน
ข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงและคำแถลงอย่างเป็นทางการของราชวงศ์ที่ถูกลดขนาดลง
เมื่อเวลาผ่านไป แทบจะหาบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่เจอ ทำให้ข้อมูลที่ยูเดอร์รวบรวมมามีไม่มากนัก
สุดท้ายแล้ว ไม่มีใครสามารถระบุรายละเอียดได้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นในขณะนั้น
แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในช่วงเวลานั้น
คีเซียร์และพรรคพวกของเขาได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งใหญ่ ถึงขนาดที่เขาต้องชักดาบศักดิ์สิทธิ์เข้าต่อสู้กับศัตรูบางคน
การต่อสู้นั้นเกิดขึ้นเมื่อใด? มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดขึ้นสักระยะหนึ่งหลังจากที่พวกเขาออกจากสถานที่นี้
ซึ่งได้รับการคุ้มกันโดยทหารจำนวนนับไม่ถ้วน
'มันยุ่งยากอยู่
หินจะจำกัดหรือชะลอการเคลื่อนไหวของเรา และอัศวินเปเลต้าจะติดตามจากระยะไกล
หากมีใครโจมตีเราในสถานการณ์ที่ทั้งกลุ่มถูกแยกออกจากกัน...'
ยูเดอร์ขมวดคิ้วหลังจากคิดไปไกลขนาดนั้น
“เท่านคิดว่าเราอาจถูกซุ่มโจมตี
ขณะเดินทางกลับใช่ไหมผู้บัญชาการ?”
ทันทีที่คีเซียร์
ก็บศิลาสีชาดมาได้ เขาก็วางแผนที่จะกลับไปยังเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด
เขายังประกาศว่าเขาจะจากไปโดยไม่บอกลานายพลจีโน่ซึ่งเขารู้จักมาเป็นเวลานาน
และสั่งให้ไม่ยุบกองทัพภาคใต้ซึ่งปกป้องสถานที่แห่งนี้
'คีเซียร์สั่งให้ย้าย
หลังจากที่มีข่าวว่าเขาเดินทางกลับถึงเมืองหลวงเท่านั้น
หมายความว่าเราต้องการการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากกว่าตอนที่เรามาที่นี่'
อย่างไรก็ตาม
หากเหตุการณ์ในอนาคตเกิดขึ้นอีก ในครั้งนี้ยูเดอร์จะต้องเข้าใจความตั้งใจของคีเซียร์
ล่วงหน้า และปลูกฝังความระมัดระวังในตัวเขาให้มากขึ้น
“นาธานไม่ได้อธิบายก่อนที่เราจะมาที่นี่หรือ?
ระวังเรื่องที่ไม่คาดคิดไว้เสมอ เพราะทุกคนในโลกรู้ดีว่ามีหินอยู่ที่นี่”
"…ครับ"
“เหตุผลที่ไม่มีใครอยากได้หินนี้
แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่ามันอยู่ที่นี่ ก็เพราะไม่มีใครค้นพบหรือพยายามสัมผัสหิน
แต่สิ่งต่างๆ เปลี่ยนไปแล้ว”
โชคดีที่คีเซียร์มีความระมัดระวังอย่างเหมาะสม
“เราต้องกลับเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด
ข้าเชื่อมั่นในความสามารถอันน่าทึ่งของเจ้าหากเกิดอะไรขึ้น”
“…เข้าใจแล้วครับ”
ก็ดี
เขาได้ทำหน้าที่ปกป้องศิลาสีชาด ตามที่คีเซียร์มอบหมายให้เขาอย่างเต็มที่
มันเป็นสิ่งที่เขาต้องการแต่แรก ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างพอใจ
'แม้ว่าผู้โจมตีจะปรากฏตัวเหมือนเมื่อก่อน
ดังที่คีเซียร์พูด แต่คราวนี้ข้าก็อยู่ที่นี่'
ดังนั้น
เขาจะลดความจำเป็น ในการเข้าร่วมการต่อสู้ของคีเซียร์ให้มากที่สุดอย่างแน่นอน
ยูเดอร์วางแผนที่จะรวบรวมสมาชิกทหารม้าที่เหลือทันทีที่พวกเขาเดินทางกลับ
และเตรียมวิธีรับมือในกรณีฉุกเฉิน
เขาต้องไปต่อเนื่องจากไม่มีเวลาให้เสียแล้ว
“ขอบคุณสำหรับชาครับ
ยังไงข้าขอตัวก่อน...”
ยูเดอร์ดื่มชาที่เหลือในอึกเดียวแล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง
คีเซียร์ก็เปิดปากของเขาด้วยท่าทางไม่พอใจ
“เจ้าไม่ควรดื่มชาทั้งหมดในคราวเดียว……”
ตู้ม!!
ทันใดนั้น
มีบางอย่างบินผ่านหัวของเขาพร้อมกับเสียงกระจกแตก
กระแทกเข้ากับเครื่องทำความร้อนหินเวทย์มนตร์ ควันหนาทึบแผ่กระจาย
และรัศมีการสังหารที่รุนแรงและเยือกเย็นมุ่งเป้าไปที่ยูเดอร์
'ผู้บุกรุก!'
ยูเดอร์
กางม่านน้ำขวางรอบๆ ตัวเขาและคีเซียร์ทันที
ด้วยเสียง
'แคร้ง' รู้สึกเหมือนมีบางอย่างเด้งออกมาจากสิ่งกีดขวาง
แล้วมีอย่างอื่นบินเข้ามาหามันแต่ก็ถูกผลักไสเช่นเดียวกัน
“นี่มันบ้าอะไรเนี่ย!”
เสียงทุ้มลึกที่สับสนสะท้อนก้อง
'พวกเขาคงจะใหม่กับเรื่องแบบนี้
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ใช่นักฆ่ามืออาชีพ'
หลายคนหัวเราะคิกคักว่ากำแพงที่สร้างจากน้ำของเขานั้นอ่อนแอ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยูเดอร์สร้างขึ้นนั้นแตกต่างออกไป
เขาสามารถแช่แข็งน้ำให้แข็งเหมือนเหล็กได้ทันทีแล้วจึงละลายอีกครั้ง
นั่นคือเหตุผลหลักว่าทำไมเขาถึงใช้น้ำเพื่อป้องกันตัวบ่อยๆ
'ดูเหมือนว่าจะมีคนเข้ามาหลายคนแล้ว
แต่มันก็มืดเกินกว่าจะมองเห็นข้างหน้าได้
ตอนนี้เรามาจัดการกับความมืดมิดนี้กันดีกว่า...'
หากเขาเปิดเผยความสามารถทั้งหมดของเขา
เขาก็สามารถเรียกเปลวไฟจำนวนมากออกมาเพื่อขับไล่ความมืดมิด
แต่เขาทำอย่างนั้นไม่ได้ ยูเดอร์หยุดคิดครู่หนึ่ง
จากนั้นจึงถอดสิ่งกีดขวางที่อยู่ตรงหน้าออก
'ถ้ามีผู้ชายคนที่ถือดาบ
ข้าควรจะเอามันมาใช้'
เครื่องทำความร้อนหินวิเศษแตกกระจาย
และควันก็ระเบิด ทำให้ภายในห้องมืดสนิท อย่างไรก็ตาม สำหรับยูเดอร์ที่เพ่งความสนใจอยู่นั้นรู้ถึงตำแหน่งทุกคนอย่างชัดเจน
“ท่านหัวหน้า
กรุณาอยู่เฉยๆ สักครู่หนึ่ง”
ด้วยความกังวลว่า
คีเซียร์อาจพยายามคว้าดาบศักดิ์สิทธิ์ ยูเดอร์จึงแนะนำเขาแล้วโบกมือเบาๆ
หากมีดาบเหล็กอยู่ในสถานที่ มันจะตอบสนองต่อพลังของเขา
โดยหนีจากมือของเจ้าของและบินไปหาเขาแทน
“เอ๊ะ!
อะไรนะ นี่มันอะไร!”
ในไม่ช้า
ศัตรูคนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลก็ส่งเสียงสับสนออกมา
ดาบที่บินผ่านความมืดตกอยู่ในมือของยูเดอร์ เขาจับมันทันทีและเติมพลังของเขาเข้าไป
ด้วยเสียงคำรามแผ่วเบา
เปลวไฟที่ปีนใบมีดก็ส่องสว่างความมืดที่เต็มไปด้วยควันอย่างรวดเร็ว
เผยให้เห็นทิวทัศน์โดยรอบ
ภายในนั้นยุ่งเหยิงเนื่องจากเตาหินวิเศษที่พังทลาย
และชายสวมหน้ากากหลายคนก็ปรากฏตัวขึ้น โดยไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร มีคนเห็นคีเซียร์ภายในบาเรียด้วยสีหน้าตามปกติของเขา
'อืม...
กล่องที่บรรจุศิลาสีชาด...'
เขาเหลือบมองกล่องที่ยังคงนอนอยู่ที่นั่นโดยไม่มีใครสังเกตเห็นและรู้สึกโล่งใจ
"พวกเจ้าเป็นใครกัน?"
ยูเดอร์เปิดปากด้วยความคิดที่ผ่อนคลายมากขึ้น
'ศิลาสีชาดทำให้คนธรรมดาไม่สามารถเข้าใกล้ได้
เมื่อพิจารณาว่าพวกเขาเข้ามาแล้ว... พวกเขาทั้งหมดต้องเป็นผู้ปลุกพลัง ข้าสงสัยว่าใครส่งพวกเขามา
“ศิลาสีชาดอยู่ที่ไหน”
ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าคนสวมหน้ากากคำรามด้วยเสียงต่ำ
“ส่งมันมาเงียบๆ
ถ้าไม่อยากตาย”
“พวกเจ้าทุกคนคือผู้ปลุกพลังเหรอ?
ใครส่งเจ้ามา?”
“เราเป็นคนถามคำถาม
ไม่ใช่เจ้า”
เนื่องจากพลังงานที่ปล่อยออกมาจากศิลาสีชาด
อากาศที่ปกคลุมทั้งคฤหาสน์จึงหนักอึ้งมาก
หากพวกเขารู้ว่าพลังงานนั้นแข็งแกร่งขึ้นเมื่อมันเข้าใกล้หิน
พวกเขาสามารถติดตามตำแหน่งของมันได้โดยไม่ต้องถาม แต่ศัตรูไม่รู้เรื่องนี้
'พวกเขารู้ว่าหินอยู่ที่นี่
แต่พวกเขาไม่รู้ลักษณะของมัน... พูดได้อีกอย่างว่าไม่มีผู้ทรยศ ในหมู่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการเก็บกู้'
แม้ว่ายูเดอร์จะจุดไฟในความมืดด้วยดาบที่ห่อหุ้มด้วยเปลวไฟ
แต่ระยะของมันไม่กว้างมากนัก โชคดีที่เขาดันกล่องที่บรรจุศิลาสีชาดไว้ด้านหลังเสาที่ไม่เด่นสะดุดตา
'ข้าต้องเปิดเผยตัวผู้บงการ
ดังนั้นข้าไม่ควรฆ่าพวกเขา และคิเชียร์อาจจะใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นข้าควรป้องกันไว้ล่วงหน้า'
พลังงานที่รู้สึกเสียวซ่าที่ปล่อยออกมาจากศิลาสีชาดนั้น
ไม่ดีสำหรับยูเดอร์หรือคีเซียร์ ศัตรูเองก็เช่นเดียวกัน นอกจากนี้
ไม่ว่ายูเดอร์จะกลับสู่สถานะของเขาเมื่อ 11 ปีที่แล้วมากแค่ไหน เขาก็ไม่ได้อ่อนแอที่จะพ่ายแพ้ต่อศัตรูเหล่านี้
หลังจากตัดสินใจแล้ว
ยูเดอร์ก็มองกลับไปที่คีเซียร์แล้วพูด