Turning บทที่ 10
คีเซียร์
ลา ออร์ ได้สอนยูเดอร์หลายสิ่งหลายอย่าง
วิธียืนในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารม้า
วิธีอดทนในราชสำนักที่เต็มไปด้วยไฮยีน่า และแม้กระทั่งวิธีใช้ชีวิตแบบโอเมก้าและรับมือกับผู้ปลุกพลัง
มีหลายครั้งที่เขาไม่พอใจกับภาระงานที่มากเกิน
แต่ความคิดก็เปลี่ยนไป เมื่อถึงเวลาที่เขาจะต้องตาย
คีเซียร์
ลา ออร์ ได้เลือกยูเดอร์ เป็นผู้บัญชาการในหมู่สมาชิกมากกว่า 300 เป็นคนที่มีเจตจำนงบางอย่างอยู่ในใจ อย่างไรก็ตาม
ยังไม่ชัดเจนว่าอีกฝ่ายคาดหวังอะไรถึงตัดสินใจเลือกแบบนั้น
เขาไม่รู้จริงๆหรือว่ายูเดอร์จะกลายเป็นสิงโตปลิดชีพ
เมื่อเขามอบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารม้าให้? เขาผู้ซึ่งตระหนักดีถึงสถานการณ์ของราชวงศ์และตระกูลขุนนาง จะไม่รู้หรือว่าจะมีคำสั่งดังกล่าวลงมา?
ด้วยความสามารถของคีเซียร์
เขาสามารถหลบหนีความตายได้อย่างแน่นอนด้วยการหนีล่วงหน้า หรือฆ่ายูเดอร์กลับ
แต่เขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้น ยูเดอร์อยากถามหาความจริงแต่ก็สายเกินไปแล้วเพราะคนตายพูดไม่ได้
อย่างไรก็ตาม
ตอนนี้เขาอาจจะสามารถเข้าใจความตั้งใจของอีกฝ่ายได้โดยไม่ต้องรับภาระนั้นมา
ก่อนอื่นเขาต้องหลีกเลี่ยงการสังหารอีกฝ่ายเหมือนเมื่อก่อน
“เจ้าปรากฏตัวแล้ว
ข้ากำลังสงสัยเลยว่าผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงที่สุดจะมาถึงเมื่อไหร่? ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจแล้วหรือ?”
คีเซียร์พูดกับเขาอย่างเป็นกันเองด้วยรอยยิ้ม
น้ำเสียงของเขาผ่อนคลายเกินกว่าที่ขุนนางของจักรวรรดิจะพูดกับคนธรรมดาสามัญ แต่ยูเดอร์ก็ไม่แปลกใจ
เขารู้ถึงบุคลิกของอีกฝ่ายแล้ว
“ใช่
แต่ถ้าท่านกำลังจะออกไป ข้าค่อยมาอีกครั้งก็ได้”
“ไม่เป็นไร
ข้าไม่มีแผนอะไร แค่จะออกไปข้างนอกสักพักแล้วกลับมา”
คีเซียร์ถอยหลังไปสองสามก้าวพร้อมรอยยิ้ม
"เข้ามาสิ"
ยูเดอร์มีประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดา
ในการก้าวเข้าไปในสถานที่รับแขก เขาเคยใช้มันมาเป็นเวลานานแล้ว
พื้นที่นี้สร้างขึ้นอย่างเร่งรีบแต่มีความหรูหราอย่างราชวงศ์
แสดงให้เห็นความพยายามของช่างฝีมือเพื่อให้เข้ากับศักดิ์ศรีของเจ้าของห้อง
เพดานทรงโดมสูงอยู่เหนือพื้นปูด้วยพรมเกรดสูงสุดจากเทือกเขาทางใต้
เตาหลอมส่วนกลางซึ่งเติมพลังด้วยหินเวทมนตร์จากทางเหนือ
ดูเหมือนประติมากรรมที่สวยงามมากกว่าเตาเผา
ชั้นหนังสือตระการตาที่เติมเต็มผนังทั้งหมด
และโต๊ะหินอ่อนสีดำด้านล่างเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่น่าเกรงขามซึ่งไม่มีใครกล้าแตะต้องเลย
และความงามของภาพวาดหลายสิบผืน
ที่แสดงถึงตำนานโบราณที่สืบทอดมาจากจักรวรรดิออร์อีก
กำแพงหินรูปวงแหวนสีขาวประดับประดาด้วยภาพวาดที่ส่องประกายแวววาวในห้าสี
แม้ไม่มีแสงส่อง ผู้มาเยือนที่ได้เห็นปรากฏการณ์นี้ย่อมรู้สึกตกตะลึงตามธรรมชาติ
ราวกับว่าพวกเขายืนอยู่หน้าแท่นบูชาของวิหาร
แน่นอนว่า
ยูเดอร์ซึ่งคุ้นเคยกับทิวทัศน์นี้เป็นอย่างดี เพียงแต่มองไปรอบๆ
เพียงครั้งเดียวโดยไม่รู้สึกแปลกใจใดๆ
แต่เขากลับจ้องมองไปที่ส่วนบนของเตาหินที่ปล่อยเปลวไฟสีแดงและสีน้ำเงิน
อัญมณีโปร่งใสที่แกะสลักให้ดูเหมือนลอยอยู่ในอากาศ
ทำหน้าที่เป็นที่วางดาบ และมีดาบขนาดใหญ่หนึ่งเล่มวางอยู่บนนั้น
'ดาบศักดิ์สิทธิ์ออร์'
เมื่อมองแวบแรกก็ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่ดาบที่คนธรรมดาจะใช้ได้
แม้จะถูกเก็บไว้ในฝักที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ เวทมนตร์ และเทคนิคของเผ่าพันธุ์ต่างๆ
แต่พลังงานที่ปล่อยออกมานั้นไม่ธรรมดา
ดาบที่เพียงแค่สังเกตดู
ก็เห็นถึงประกายคมกริบ ด้วยออร่าอันแข็งกร่งมัน กล่าวกันว่าดาบศักดิ์สิทธิ์ถูกมอบให้กับจักรพรรดิองค์แรกที่ก่อตั้งจักรวรรดิออร์โดยผู้ส่งสารของพระเจ้า
ผู้ที่ไม่มีสายเลือดของราชวงค์สามารถถือดาบได้
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้มันได้
ดาบศักดิ์สิทธิ์มีชื่อเสียงในด้านความสามารถและเลือกผู้ใช้โดยเฉพาะ
ตลอดประวัติศาสตร์พันปีของจักรวรรดิ มีคนน้อยกว่าสิบคนที่สามารถใช้ดาบได้
และ คีเซียร์
ลา ออร์ เป็นคนเดียวในยุคของเขาที่ถูกเลือกโดยดาบศักดิ์สิทธิ์
หลังจากการตายของอีกฝ่ายกระทั่งวันที่ยูเดอร์เสียชีวิต
ไม่มีผู้ถือครองคนใหม่ปรากฏตัวขึ้น
ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่น่าภาคภูมิใจ
ซึ่งแม้แต่ยูเดอร์ที่มีความสามารถที่ไม่มีใครเทียบได้ ก็ไม่สามารถสัมผัสได้
เนื่องจากไม่มีใครนอกจากผู้ที่ถูกเลือกเท่านั้นที่สามารถขยับดาบได้
มันจึงยังคงอยู่ในที่ดินของดยุกเปเลต้าตลอดไป จากการที่คีเซียร์ ลา ออร์อาศัยอยู่ครั้งสุดท้าย
เนื่องจากเงื่อนไขการถือครองของมัน
แม้แต่ขุนนางก็ไม่รู้ว่าดาบศักดิ์สิทธิ์มีหน้าตาเป็นอย่างไร มันเป็นเรื่องธรรมดา
เนื่องจากคีเซียร์ไม่ค่อยได้ถือหรือใช้ดาบบ่อยๆ
แม้ว่าจะถูกเปิดเผยว่าเป็นผู้ถูกเลือกก็ตาม
เหตุใดดาบศักดิ์สิทธิ์จึงเลือกคีเซียร์ หากผู้ถูกเลือกไม่ได้ใช่งานมันนัก? ถ้าดาบรู้ว่ามันจะเสียเจ้าของไปอย่างรวดเร็ว
มันจะเลือกแบบเดิมหรือไม่กัน?
ในบางครั้ง
เขาก็สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่อาจทราบได้เหมือนกับความตั้งใจของคีเซียร์
“ดาบเล่มนั้นมีเสน่ห์ใช่ไหม?”
คีเซียร์พูดกับยูเดอร์
ที่กำลังจ้องมองดาบศักดิ์สิทธิ์อยู่นาน
“โดยปกติแล้ว
ผู้คนจะหลงใหลในส่วนอื่นๆของห้องนี้เป็นอันดับแรก และไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก”
แท้จริงแล้ว
มันไม่ใช่ปฏิกิริยาที่เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป
แม้ว่ามันจะเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน
แต่ดูภายนอกก็ไม่ต่างจากดาบธรรมดาของชนชั้นสูง ยูเดอร์บ่นในใจ
มันดูไม่เหมือนดาบที่สามารถใช้ในการต่อสู้จริงได้
และด้วยรูปลักษณ์หรูหราโอ่อ่าของห้องโถ่ง จึงสมเหตุสมผลที่ผู้คนไม่ได้มุ่งความสนใจไปที่ดาบก่อน
'แต่สำหรับข้า
ดาบเล่มนั้นรบกวนจิตใจมากที่สุดเสมอ'
ยูเดอร์นึกถึงความทรงจำเมื่อนานมาแล้ว
ตอนนี้เมื่อรู้รูปลักษณ์ ความสามารถของดาบศักดิ์สิทธิ์และเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกับมันในอนาคตแล้ว
มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะจ้องมองไปที่มัน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาเป็นเพียงสมาชิกหนุ่มของทหารม้า
ยูเดอร์พึงเคยเห็นดาบเล่มนี้เป็นครั้งแรก
ตอนนี้
เป็นครั้งแรกที่คีเซียร์แสดงความสนใจต่อยูเดอร์อย่างมาก ซึ่งก็พอเข้าใจได้ เพราะประสาทสัมผัสของเขาที่สัมผัสได้ถึงมานานั้นแหลมคมมาก
จนสามารถเจาะเกราะป้องกันของฝักที่ซ่อนออร่าของดาบไว้
ในที่สุดยูเดอร์ก็ล่ะสายตาของเขาไปจากดาบศักดิ์สิทธิ์
และมองกลับมาที่คีเซียร์
ฝ่ายคีเซียร์เฝ้าดูยูเดอร์อย่างตั้งใจด้วยรอยยิ้มอันนุ่มนวล
น่าพิศวงที่มุมริมฝีปากของเขา จนถึงตอนนี้ การมองมาที่ยูเดอร์ เป็นเพียงความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น
“ข้าแค่มองไปที่ดาบเพราะมันให้ความรู้สึกที่ไม่ธรรมดา”
“ไม่ธรรมดา?
แบบไหนหรือ?”
จนถึงตอนนี้
คีเซียร์ยังไม่ได้ประกาศต่อสาธารณะว่าเขาเป็นเจ้าของดาบศักดิ์สิทธิ์
การเปิดเผยนั้นจะเกิดขึ้นในภายหลัง เมื่อเขาได้รับมอบหมายภารกิจลับสุดยอดเพื่อเก็บกู้ศิลาสีชาติ
ดังนั้น
สิ่งสำคัญในตอนนี้คือต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้ ในขณะที่กระตุ้นความสนใจของคีเซียร์ไปด้วย
“แค่มองดูมัน
ข้ารู้สึกได้ถึงพลังงานราวกับว่ามันกำลังมุ่งเป้าไปที่ข้า
ดูเหมือนว่าฝักดาบจะปิดกั้นพลังไว้ แต่มันก็ไม่สามารถซ่อนไว้ได้ทั้งหมด”
นี้ไม่ใช่เรื่องโกหก
เขารู้สึกถึงพลังงานอันแหลมคมที่ไหลจากดาบมาทั่วร่างกายของเขา
'อย่างไรก็ตาม
พลังงานนี้รู้สึกว่าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่ข้าสัมผัสได้เมื่อก่อน...'
ในอดีต
เขารู้สึกถึงพลังงานที่ผิดปกติจากดาบ
แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ร่างกายของเขารู้สึกเจ็บ
ยูเดอร์เคยมีพลังมากพอที่จะทำให้ผู้คนเชื่อว่าเขาเป็นความไม่เท่าเทียมของโลกนี้
การย้อนกลับของเวลา อาจทำให้ประสาทสัมผัสของเขาสูงขึ้นเกินกว่าระดับเดิมได้หรือไม่? มันเป็นเรื่องที่ยังไม่ชัดเจน
เมื่อได้ยินคำพูดของยูเดอร์
คีเซียร์ก็จ้องมองไปที่ดาบ ครู่ต่อมา
พลังงานที่พุ่งตรงไปที่ยูเดอร์ก็หายไปราวกับว่ามันเป็นเรื่องโกหก
“อืม
เจ้ารู้สึกไหมว่าพลังงานลดลง?”
เมื่อเห็นไหล่ของยูเดอร์แข็งทื่อ
คีเซียร์ก็พูดด้วยสีหน้าขบขัน
“ดูเหมือนว่าเจ้าไม่ได้โกหก”
“ข้าไม่เคยเห็นดาบที่มีพลังขนาดนี้มาก่อน”
“จริงเหรอ?
เจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องที่คล้ายกันมาก่อนเหรอ?”
ชั่วขณะหนึ่ง
ยูเดอร์กังวลว่าคีเซียร์จะสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่าง
แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ แต่เขาก็รู้สึกตึงเครียดในช่วงสั้นๆ
“ทุกคนรู้เรื่องราวของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งและดาบศักดิ์สิทธิ์ออร์ของเขา”
"…อา"
ความกังวลของเขาไม่จำเป็นเลย
ยูเดอร์หายใจออกเบา ๆ และพยักหน้า
“ท่านกำลังจะบอกว่าดาบนั่นเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์เหรอ?”
“ใช่
พูดตามตรง ข้าเป็นเจ้าของคนที่สิบสอง มันจุกจิกเรื่องมากและไม่ยอมให้ใครนอกจากผู้ถูกเลือกใช้มัน”
ยูเดอร์รู้เรื่องนี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาแสร้งทำเป็นประหลาดใจราวกับได้ยินมันเป็นครั้งแรก คีเซียร์ไม่สงสัยในปฏิกิริยาของเขาและพูดต่อ
“ข้าเห็นคนจำนวนมากตื่นขึ้นด้วยพลังของศิลาสีชาด
แต่เจ้าเป็นคนแรกที่สัมผัสถึงพลังงานได้อย่างเฉียบแหลม มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เจ้าได้พลังหรือเปล่า
หรือเจ้ารู้สึกไวต่อมานาหรือพลังงานอื่น ๆ มากกว่าคนอื่น มานานแล้ว?"
“มันเป็นแบบนี้หลังข้าปลุกพลัง”
"เข้าใจแล้ว"
คีเซียร์พยักหน้า
ถูบริเวณใต้ริมฝีปากของเขา
“ข้าควรจะพูดถึงเรื่องนี้ก่อน
แต่ข้าเป็นหนึ่งในผู้ตรวจสอบเมื่อเจ้าทำการทดสอบทหารม้าเป็นครั้งแรกในฐานะหมายเลข 423
เจ้ารู้หรือไม่”
“ท่านคือคนที่อยู่ทางขวาสุด”
“ใช่
เจ้ามีความสามารถในการแยกแยะสิ่งต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ อย่างหาได้ยาก เจ้าไวต่อพลังงานอย่างแท้จริง”
เหตุผลหลักที่ยูเดอร์จำคีเซียร์ได้
ไม่ใช่เพราะความไวต่อพลังงานของเขา แต่เป็นเพราะเขาเคยเห็น คีเซียร์ ที่ปลอมตัวมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ยูเดอร์ตัดสินใจที่จะไม่เปิดเผยความจริง
“ในตอนนั้น
ข้าคิดว่าพรสวรรค์ของเจ้าเหมาะกับทั้งสายกำลังและเวทย์เป็นพิเศษ แต่ถ้าต้องเลือก ข้าคิดว่าเจ้าจะเหมาะกับสายเวทย์มากกว่า...
ข้าคิดผิดหรือเปล่า?”