(สปอย์) มหัศจรรย์เนตรทองคำ เล่ม 8
จวงรุ่ย (พระเอก) ที่บอกแม่ว่า "เขาจะไปเรียนต่อโทที่ปักกิ่งและอยากชวนแม่ไปอยู่ด้วย" ทำเอาแม่ของเขามีสีหน้าที่ไม่ดี จวงหมิ่น (พี่สาวพระเอก) จึงได้ถามสาเหตุ แต่แม่กับไม่ยอมเล่า จวงรุ่ยจึงคิดปฏิเสธที่จะไปเรียนที่ปักกิ่งตามคำแนะนำของลุงเต๋อ (คนดูแลโรงรับจำนำ) แต่แม่กับบอกว่า "ไม่ต้องหรอก" ก่อนที่จะตัดบทไปทำให้ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้อีก
ต่อมาจวงรุ่ยจึงพาทุกคนไปดูบ้านใหม่ที่เป็นวิลล่าที่พึ่งซื้อ ซึ่งมีห้องใต้ดิน ตู้เซฟสำหรับเก็บของและโรงเก็บรถที่สามารถติดตั้งเครื่องตัดหินได้จึงทำให้เขาพอใจเป็นอย่างยิ่ง ในขนาดที่จวงรุ่ยก็ได้รับโทรศัพท์ของฉินเซวียนปิง (น่าจะนางเอกมั้ง) ทำให้เขาต้องกันห้องและตบแต่งตามใจเธอ ส่วนจวงหมิ่นมักจะรับผิดชอบในการดูแลตบแต่งทั่วๆไป
แต่พอถึงกำหนดแต่งงานของหลิวฉางฟา (พี่ 3) ที่เป็นพี่ร่วมสาบานสมัยมหาลัยกับจางหรง (แฟนหลิวฉางฟา) เขาจึงขับรถไปยังเมืองเว่ยหนานของมณฑลส่านซีที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานทันที แต่เมื่อถึงหมู่บ้านของหลิวฉางฟากับพบจางหรงเป็นคนมารับและพาเขาไปพักที่บ้านแทนหลิวฉางฟาที่ทำงานด้านบัญชีกับต้องปวดหัว เพราะในยุคที่ทางการเข้มงวดกับพวกโจรขุดสุสาน ทำให้หูเหล่าต้าที่เป็นหัวหน้าโจรขุดสุสานต้องหาวิธีเอาตัวรอดวิธีใหม่ ด้วยการเช่าร้านทำร้านขายซีดีเปิดเพลงเสียงดัง แล้วขุดอุโมงค์ใต้ดินตรงไปยังคลังเสบียงสำรองของรัฐบาล ทำการขโมยน้ำมันสำรองออกมาขายมีมูลค่ากว่า 40 ล้านหยวน กว่าจะรู้เมื่อมีคนใหญ่คนโตมาตรวจสอบ ทำเอาหลิวฉางฟาต้องไปคำนวนค่าเสียหายที่เกิดขึ้น จึงทำให้เอ้อร์เหมา (น้องชายหลิวฉางฟา) ช่วยพาจวงรุ่ยไปเดินเล่นในหมู่บ้านก่อน
จวงรุ่ยที่ทราบว่า "มีคณะโบราณคดี" มาทำการสำรวจหาสุสานที่แถวหมู่บ้านแห่งนี้จึงเกิดความสนใจ ให้เอ้อร์เหมาพาไปดู พร้อมทั้งเอ้อร์เหมาก็คิดเอาแตงโมไปให้พี่สะใภ้ของเขาที่ไปทำงานเล็กๆน้อยๆที่นั่นด้วย จึงพากันไป แต่พอไปถึงจวงรุ่ยเห็นทหารคุ้มกันกันอย่างเข้มงวดจึงระมัดระวังตัวมากขึ้น ในขนาดที่เอ้อร์เหมาไม่พอใจ เพราะตอนแรกที่นี่จะจ้างผู้ชาย แต่พอตอนหลังกับจ้างแต่ผู้หญิง ทำให้เสียรายได้ไป จึงบ่นที่พวกนี้มาขุดหาของในที่ดินของพวกตนในขนาดที่พวกตนขุดไม่ได้
จวงรุ่ยที่ทราบว่า "อดีตชาวบ้านแถวนี้เคยเป็นโจรขุดสุสานมาก่อน" จึงหัวเราะบอกว่า "โจรเอกชนเทียบกับโจรทางการไม่ได้" ทำเอาเมิ่งชิวเชียนที่ได้ยินส่งเสียงไม่พอใจ ออกมาต่อว่าจวงรุ่ยที่ด่าพวกเธอเป็นโจรทางการทันที ก่อนที่จะได้ฟ่านชั่วกับอิงหนิงที่เป็นนักศึกษา ป.โทที่ทราบนิสัยหญิงสาวดีจึงพยายามยุติเรื่องราว จวงรุ่ยที่ไม่อยากมีเรื่องจึงขอโทษเมิ่งชิวเชียน สร้างความยินดีให้หญิงสาวที่ได้แตงโมแทนการขอโทษ
จนศาสตราจารย์เมิ่งที่เป็นคนดูแลไซด์งานและปู่ของเมิ่งชิวเชียนจะออกมาขอโทษจวงรุ่ยและจ่ายค่าแตงโมให้ เพราะทราบนิสัยของหลานสาวดี เขายังถามจวงรุ่ยอีกว่า "รู้มั้ยว่าสุสานที่กำลังค้นหาเป็นของใคร" จวงรุ่ยที่ดูขนาดสุสานและศึกษาประวัติศาสตร์มาจึงเดาว่า "น่าจะเป็นของถังเสวียนจง ถังเสี้ยนจงหรือถังเหวินจง" ทั้งยังรู้ถึงจักรพรรดิราชวงศ์ถังที่มี 21 พระองค์ไม่ใช่ 18 พระองค์ตามจำนวนสุสานอย่างที่ทุกคนเข้าใจ จึงทำให้ศาสตราจารย์เมิ่งยินดีเป็นอย่างยิ่ง บอกสมกับที่ลุงเต๋อที่เป็นเพื่อนของตนแนะนำมา ทั้งยังกะจะถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดให้จวงรุ่ยด้วย
ทำให้จวงรุ่ยได้ย้ายมาพักอยู่กับคณะโบราณคดีแทนบ้านของหลิวฉางฟาและช่วยงานขุดสุสานของถังเหวินจง ทำให้เขาได้เรียนรู้ถึงวิธีการใช้เสียมลั่วหยางที่เป็นเครื่องมือในการขุดหาของของโจรขุดสุสานชื่อดัง ก่อนที่จะกลายเป็นเครื่องมือที่ทุกคนใช้ในการขุดหาของและสุสานโบราณแทน
แต่ในระหว่างที่จวงรุ่ยกำลังช่วยทุกคนหาตำแหน่งที่ตั้งสุสาน จนไปถึงไร่แห่งหนึ่ง อวี๋ซานสิ่งที่เป็นคนดูแลไร่และมีร่างกายใหญ่โต แถมใบหน้ามีคาบสีดำตัดใบหน้าสีขาว ทำให้ดูน่ากลัวเหมือนผีกับส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่พอใจ คิดจะมาเอาเรื่องพวกจวงรุ่ยที่มาขุดใกล้ๆไร่ที่ตนดูแล จึงพุ่งออกมาจะทำร้ายพวกของจวงรุ่ย จวงรุ่ยที่ไม่กลัวก็จะเข้าไปต่อยตีกับอีกฝ่าย แต่ไป๋ซือ (สุนัขพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟฟ์) กับพุ่งออกมาใส่อวี๋ซานสิ่งจับอีกฝ่ายกดพื้นหมายจะขย้ำ ทำเอาอวี๋ซานสิ่งต้องร้องขอชีวิต สร้างความตกใจให้เมิ่งชิวเชียนกับอิงหนิงและอดชื่นชมไป๋ซือไม่ได้
ในขนาดที่ฟ่านชั่วที่ไปตามเอ้อร์เหมากับศาสตราจารย์เมิ่งมา จึงช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องราวให้ ทำให้พวกจวงรุ่ยเริ่มขุดหาสุสานรอบๆไร่แทน จนจวงรุ่ยที่ใช้พลังจากดวงตาคลายความเหนื่อยล้าทำให้ขุดได้ถึง 3 หลุม จนพบถึงดิน 5 สี ศาสตราจารย์เมิ่งที่เข้าไปดูจึงพบว่า "ที่นี่เป็นสุสานโบราณที่ค้นหา" จึงรีบสั่งให้ทุกคนกลับ ห้ามถามอะไรทันที สร้างความสงสัยให้กับจวงรุ่ยเป็นอย่างยิ่ง
ตกดึกเฉินจื้อ รองผู้กำกับของฝ่ายสืบสวนและปราบปรามการลักลอบนำเข้าส่งออกสิ่งผิดกฎหมายมณฑลกวางตุ้งได้มาหาศาสตราจารย์เมิ่ง เพื่อร่วมมือกันวางแผนจะจับอวี๋เหล่าต้าที่เป็นชายหนุ่มนิสัยดีและซื่อสัตย์ที่เป็นลูกชายครูที่เคยสอนหนังสือหลิวฉางฟาในสมัยเด็ก แต่แท้จริงแล้วกับเป็นอวี๋คู่ หัวหน้าโจรขุดสุสานที่ยิ่งใหญ่ที่ส่งของออกไปขายที่ฮ่องกง
โดยเฉินจื้อจะรอให้พวกอวี๋เหล่าต้าเข้าไปในสุสานค่อยจับทีเดียว จะได้รวบตัวได้ทั้งหมด แต่ศาสตราจารย์เมิ่งไม่เห็นด้วย เพราะพวกอวี๋เหล่าต้าเป็นพวกโจรสายเหนือที่เน้นใช้ระเบิดทำลายสุสานโดยไม่สนใจอะไร ผิดกับโจรสายใต้ที่ใช้ฝีมือในการเข้าไปโดยสุสานไม่เสียหาย เฉินจื้อที่เจรจาไม่สำเร็จจึงขอเวลา 2 วัน
ซึ่งอวี๋เหล่าต้าที่ทราบเรื่องไร่ของเขามีคนมาขุดสำรวจ จึงคิดรีบเร่งลงมือ เพราะเพื่อสุสานนี้ เขาถึงกับสังหารพ่อแม่ที่ไม่เห็นด้วยกับการขุดสุสานตามอาชีพของบรรพบุรุษ จึงกะลงมืออีก 2 วัน ในวันเดียวกับวันแต่งงานของหลิวฉางฟา เพราะกะใช้เสียงประทัดกลบเสียงระเบิด และจะอาศัยที่คนมาเป็นแขกเข้ามาร่วมงานแต่งงานในหมู่บ้านมากมายจะให้คนของตนแอบปะปนเข้ามา
แต่เมื่อถึงเวลาพวกอวี๋เหล่าต้าที่เข้าไปในสุสานกับโดนเฉินจื้อนำกำลังมาล้อมจับ อวี๋เหล่าต้าที่ได้ยินเสียงจากกระดิ่งเตือนจากอวี๋ซานสิ่งที่เป็นคนเฝ้าต้นทาง จึงแยกย้ายกันหนี โดยที่อวี๋เหล่าต้ากลับไปเอาเงิน หนังสือเดินทางและอาวุธที่บ้านกับพบหลิวฉางฟาที่เมาชวนไปงานแต่งงานก่อนแล้วจะให้จวงรุ่ยขับรถไปส่งนอกหมู่บ้านให้ แต่หลิวฉางฟาที่เมากับล้มไปกระชากชุดของอวี๋เหล่าต้าให้เปิดออก เผยให้เห็นถึงระเบิดที่ผูกรอบตัว ทำเอาคนทั้งงานตกใจ อวี๋เหล่าต้าจึงจับจางหรงเป็นตัวประกัน ทั้งสั่งให้จวงรุ่ยไปเอารถแกรนด์เชอโรกีพาตนหนีตำรวจทันที
แต่ในขนาดที่อวี๋เหล่าต้าเอาปืนจ่อหัวจวงรุ่ยให้ขับรถออกไป พลแม่นปืนยังลั่นไกพลาดทำให้อวี๋เหล่าต้ารอดตัวไป จวงรุ่ยจึงรีบหนีออกจากรถทันที อวี๋เหล่าต้าจึงกะจะยิงจวงรุ่ย เพื่อให้ตายด้วยกัน แต่ไป๋ซือกับกระโดดออกมาคาบพาจวงรุ่ยหนีไปทำให้มันโดนยิงที่ขา แถมพอพลแม่นปืนลั่นไกอีกนัดใส่ระเบิดบนร่างของอวี๋เหล่าต้าจนรถระเบิด ไป๋ซือก็เอาร่างปังจวงรุ่ยไว้ ทำให้จวงรุ่ยปลอดภัย แต่ไป๋ซือกับบาดเจ็บหนัก จวงรุ่ยจึงต้องรีบผ่ากระสุนออกและใช้พลังจากดวงตาทั้งหมดรักษาไป๋ซือโดยไม่สนใจอะไร จนสามารถช่วยชีวิตมันไว้ได้ แต่ต้องพักรักษาตัวหลายวัน พร้อมกับมีขนที่ไหม้ไฟจึงไม่สามารถพาไปร่วมงานแสดงทิเบตันมาสทิฟฟ์ได้
ในขนาดที่อวี๋เหล่าปาที่เป็นคนดูแลการขายวัตถุโบราณกับหนีไปได้ ส่วนทางตำรวจก็ช่วยกดดันให้ทางประกันชดใช้รถคันใหม่ให้กับจวงรุ่ย จวงรุ่ยจึงขับรถแกรนด์เชอโรกีคันใหม่กลับบ้านแทน เพื่อพาไป๋ซือไปรักษาตัว
จวงหมิ่นที่ต้องซื้อข้าวของเข้าบ้านใหม่ไปมาลำบาก จวงรุ่ยจึงพาแม่ จวงหมิ่นและนานนาน (ลูกสาวจวงหมิ่น) ไปซื้อรถคันใหม่ให้พี่สาวใช้ไปไหนมาไหนและรับส่งแม่กับนานนาน ที่บ้านจ้าวกั๋วต้ง (พี่เขย) ได้เอาเครื่องเจียหินและเครื่องตัดหินมาส่ง จวงรุ่ยจึงให้พวกจ้าวกั๋วต้งลองตัดหินที่เขาซื้อมาดู ซื่อเอ๋อร์ (ลูกน้องจ้าวกั๋วต้ง) โชคดีผ่าเจอหยกราคา 5-6 หมื่น จวงรุ่ยจึงให้อีกฝ่ายเป็นการซื้อใจที่ยอมลาออกจากงานมาช่วยที่อู่ ในขนาดที่จ้าวกั๋วต้งก็มอบรางวัลให้เจี้ยนหมินที่ยอมลาออกตามมาด้วยอีกคน
แต่จ้าวกั๋วต้งที่ไม่พอใจที่ผ่าไม่เจอหยก จึงคิดจะผ่าหยกในมือของจวงรุ่ยที่ถือไว้ ซึ่งจวงรุ่ยก็ให้จ้าวกั๋วต้งผ่า จนเผยให้เห็นถึงหยกเจไดต์สีเขียวจักรพรรดิเนื้อแก้วราคานับสิบล้าน
จวงรุ่ยจึงคิดจะเอาหยกชิ้นนี้ทำจี้หยกให้แม่ จวงหมิ่นและนานนานจึงไปร้านทำเครื่องประดับเรือนศิลาที่มีชื่อเสียง แต่ชายชราแซ่อู่ที่แก่แล้วไม่สามารถแกะจี้ไหว จึงแนะนำให้จวงรุ่ยไปยังปักกิ่งหาช่างแกะหยกที่มีชื่ออีกคนที่ทัดเทียมกับตน ที่มีสมญาร่วมกันว่า "อู่ใต้กู่เหนือ" คือกู่เทียนเฟิง หรือกู่เหลาอาจารย์ปู่ของเขา และทำให้รับรู้ว่า "การแกะสลักหยกก็แบ่งเป็นเหนือใต้" โดยเหนือจะเน้นที่มีดที่มั่นคง เสียเนื้อหยกน้อย ในขนาดที่ทางใต้จะเน้นความสละสลวยสวยงามโดยไม่เสียดายเนื้อหยก และชายชราแซ่อู่ที่อยากแกะหยกสีเขียวจักรพรรดิ จึงขอซื้อเศษหยกที่แกะเหลือจะมาทำหัวแหวน ซึ่งจวงรุ่ยก็รับปาก และเมื่อเขาถามอีกจึงทราบว่า "เศษที่เหลือยังพอแกะต่างหูได้" ซึ่งชายชราแซ่อู่ก็ขอที่จะช่วยแกะให้กับจวงรุ่ย เพื่อมอบให้กับแม่ พี่สาวและหลานสาวของเขา
แล้วจวงรุ่ยจึงนั่งรถไฟไปปักกิ่ง เพื่อเอาหยกไปให้กู่เหลาช่วยแกะสลักหยก แต่ปี้อวิ๋น (พี่ 4) ที่มารับกับพาจวงรุ่ยไปยังคลับเฮาส์ก่อน