(สปอย์) เกมรักศักดิ์ศรีบุตรีดยุก เล่ม 7
เล่มนี้เป็นการเล่าอดีตตอนเมลลิส (แม่ไอริส/นางเอกของภาคเสริม) หลังจากที่เมลลิสทราบว่า "ผู้หญิงไม่สามารถเข้ากองทัพได้" และได้รับการชี้นำจากหลุยส์ (พ่อไอริส) ว่า "การเข้ากองทัพเป็นวิธีการหรือเป้าหมาย" เมื่อเมลลิสได้คำตอบว่า "เป็นเพียงวิธีการ" เธอที่มีเป้าหมายคืออยากปกป้องทุกคนไม่อยากให้ใครต้องทุกข์จากการสูญเสียบุคคลที่รักไปจึงเลือกที่จะมุ่งหน้าต่อไป
แต่อยู่ๆกาเซล (บิดาเมลลิส/แม่ทัพใหญ่) กับบังคับให้เมลลิสทิ้งดาบและให้หมั้นกับบุตรชายของลูกชายเสนาบดี ซึ่งในตอนแรกเมลลิสไม่ยินยอมคิดที่จะคว้าดาบหนีออกจากบ้าน แต่ก็โดนกาเซลขัดขวางไว้ ก่อนที่จะได้เจอกับพาร์คส์ (พี่ชายเมลลิส) ที่กลับจากโรงเรียนได้มาพูดคุยกับเธอ เขาได้บอกให้เมลลิสตระหนักถึงหน้าที่และเป้าหมายของเธอที่อยากปกป้องทุกคน ถ้าหนีไปนอกจากจะไม่สามารถทำได้แล้ว ยังไปขัดขวางถึงความฝันของหลุยส์ด้วย แต่ถึงเมลลิสเลือกที่จะหนีไป เขาก็ไม่ว่า แต่ให้เมลลิสเลือกในสิ่งที่เธอไม่เสียใจภายหลังก็แล้วกัน จนสุดท้ายเมลลิสจึงตัดสินใจจะไปดูตัว เพราะมีแต่วิธีนี้เท่านั้น เธอจึงสามารถปกป้องทุกคนได้ แม้จะต้องตัดใจจากหลุยส์ทั้งๆเธอรักเขาก็ตาม
เมื่อเมลลิสไปถึงตระกูลดยุกอัลเมเรียที่เป็นเสนาบดีกับพบว่า "ลุงโรเมลที่มักมาดื่มเหล้าที่บ้านเธอคือเสนาบดีของอาณาจักร" แถมเมื่อพบยังบุตรชายของเขากับคือ "หลุยส์อีกต่างหาก" ส่วนหลุยส์มาที่นี่ เพราะต้องการปฏิเสธการหมั้น เขาไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจของตระกูลฝ่ายภรรยาก็ประสบความสำเร็จได้ แต่เมื่อพบว่า "อีกฝ่ายเป็นเมลลิส" จึงบอกรักเธอและขอหมั้นด้วย ซึ่งเมลลิสที่รักเขาก็ดีใจและยินดีตอบรับถึงการหมั้นนี้
แต่สิ่งที่รอเมลลิสหลังการหมั้นคือการเรียนรู้ความเป็นกุลสตรีจากออเรเลีย (แม่หลุยส์) เธอต้องเรียนรู้มารยาทต่างๆ ตั้งแต่การแนะนำตัว ดื่มชา ประวัติศาสตร์ตลอดจนการวางตัว สีหน้าและความสัมพันธ์ของเหล่าขุนนาง เพราะแค่การพูดคุยกันสามารถกำหนดถึงรายได้และชีวิตของคนในเขตปกครองได้ว่า "จะรุ่งเรืองหรือตกต่ำ" ทั้งยังได้ทราบว่า "ออเรเลียยังได้ใช้การพูดคุยระหว่างงานเลี้ยงน้ำชาแนะนำใบชาในเขตปกครองแอนเดอร์สันของเมลลิสอีกด้วย" ซึ่งออเรเลียก็รักและดูแลเมลลิสราวกับเป็นบุตรของตน
ในระหว่างที่เมลลิสกลับจากการเรียนรู้กับออเรเลีย ก็ได้พบกับอันนาและเอเนอรีน 2 พี่น้องฝาแฝดที่ต้องการพบกาเซล เพราะอยากเข้ากองทัพ ทำให้เมลลิสที่ทราบว่า "ทั้ง 2 ฝึกฝนการต่อสู้และเหมือนได้เห็นถึงตนเองในอดีต" จึงตัดสินใจช่วยให้ทั้ง 2 ได้พบกับกาเซล กาเซลที่ได้พบและพูดคุยก็ทราบว่า "ทั้งสองมีบ้านเกิดเป็นหมู่บ้านเดียวกับที่กาเซลได้พบกับเมลิลด้า (แม่เมลลิสที่ตายไป)" จึงตัดสินใจรับทั้ง 2 ให้มาเป็นสาวใช้ของเมลลิสแลกกับการที่ทั้ง 2 จะได้ฝึกฝีมือกับกองอัศวินของแอนเดอร์สันได้ ซึ่งทั้ง 2 ก็ยอมรับ
ด้านเมลลิสที่ต้องการปิดบังถึงฝีมือดาบของเธอจึงให้ยายที่เป็นคนดูแลของเธอช่วยฝึกฝนการเป็นสาวใช้ให้กับอันนาและเอเนอรีน ทั้งยังช่วยกันทั้ง 2 ออกไปในเวลาที่เมลลิสต้องการฝึกดาบ เพื่อไม่ให้ทั้ง 2 ทราบ จนกระทั่งยายล้มกระดูกหักจนต้องกลับไปรักษาตัวที่เขตปกครอง จึงทำให้อันนาและเอเนอรีนได้ดูแลเมลลิสในฐานะสาวใช้อย่างเต็มตัว
เมื่อเมลลิสได้เดินทางไปเที่ยวต่างเขต เพื่อศึกษาถึงเรื่องราวของเขตต่างๆ ระหว่างเดินทางกลับกับได้พบถึงโจรปล้นหมู่บ้าน เอเนอรีนที่ต้องการช่วยหญิงสาวที่โดนจับตัวไปจึงบุกตามโจรเข้าไปในป่า ทิ้งยังอันนาให้กลับมาบอกข่าวเมลลิส แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือเมลลิสที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วได้จับดาบออกไปสังหารโจรได้อย่างง่ายดาย ทำให้อันนาและเอเนอรีนตกใจถึงความเก่งกาจของเธอและถามถึงสาเหตุ เมลลิสจึงบอกว่า "เธอฝึกดาบ เพราะต้องการแก้แค้นให้แม่ที่โดนโจรฆ่าตาย แต่พ่อของเธอได้สังหารโจรไปแล้ว" อันนาและเอเนอรีนที่ทราบถึงความฝันของเมลลิสที่เคยอยากเข้ากองทัพจึงถามออกไปว่า "ล้มเลิกไปแล้วหรือ" เมลลิสจึงถามกลับไปว่า "การเข้ากองทัพเป็นวิธีการหรือเป้าหมาย" จึงทำให้ทั้ง 2 ทราบถึงคำตอบ ยังเป็นสาวใช้ของเมลลิสและฝึกฝีมือต่อไป เมื่อหลุยส์ทราบเรื่องของเมลลิสเจอพวกโจรจึงมาหาเธอด้วยความเป็นห่วง
ด้านกาเซลที่ทราบจากโรเมลว่า "คนที่วางแผนสังหารเมลิลด้าและจะสังหารพาร์คส์กับเมลลิส" คือเวลส์ที่เป็นน้องชายของตน เวลส์ที่ไม่พอใจกาเซลที่เคยออกจากตระกูลไปแล้วได้กลายเป็นวีรบุรุษ จนกลายเป็นผู้นำตระกูลแทนตนที่พยายามมาตลอด แต่กาเซลที่ใจอ่อนกับไม่สามารถสังหารเวลส์ที่เป็นน้องชายได้จึงสั่งกักตัวอีกฝ่ายตลอดชีวิต ก่อนที่จะบอกความจริงให้พาร์คส์กับเมลลิสได้ทราบ ซึ่งทั้ง 2 ก็เข้าใจถึงความเจ็บปวดของกาเซลจึงไม่ได้ต่อว่าอะไร
เมลลิสได้พาอันนาและเอเนอรีนไปซ้อมกับกองอัศวินจนได้พบกับเบอร์นที่เป็นคนรับใช้ของหลุยส์เข้ามาขอฝึกซ้อมด้วย ทำให้เบอร์นสนใจยังเอเนอรีนอยากจะขอให้หลุยส์ช่วยพาเธอมาฝึกฝนงานเบื้องหลังกับเขา ซึ่งหลุยส์ก็บอกว่าจะลองคุยกับเมลลิสดู
เมื่อถึงเวลาที่เมลลิสต้องเปิดตัวในแวดวงขุนนาง เธอจึงเปิดตัวในงานเลี้ยงในพระราชวังของพระราชินี ในฐานะคู่หมั้นของหลุยส์ ซึ่งพระราชินีที่พอใจเมลลิสมาก จึงพูดคุยกับเธอมากเป็นพิเศษ ทำให้หลุยส์ต้องออกมาแสดงออกกับพระราชินีว่า "เขาและเธอรักกันมากแค่ไหน" แต่พระราชินียังไม่ยอมแพ้ หลังจากที่หลุยส์กับเมลลิสเต้นรำเสร็จก็ให้องค์ชายรัชทายาทมาขอเมลลิสเต้นรำด้วย
หลุยส์ยังพาเมลลิสมาแนะนำให้กับเหล่าขุนนางและภรรยาขุนนางทั้งหลายรู้จัก ทำให้เมลลิสได้รับจดหมายเชิญไปงานเลี้ยงน้ำชามากมาย จนเมลลิสจึงได้จัดงานเลี้ยงน้ำชาเชิญทุกคนเป็นการตอบแทน และยังโชคดีที่ได้หญิงสาวที่เป็นนักร้องโอเปร่าจากคณะละครที่เคยช่วยไว้จากโจรป่ามาช่วยร่วมแสดงในงานเลี้ยงนี้ด้วย จึงทำให้งานเลี้ยงน้ำชาของเมลลิสประสบความสำเร็จยิ่ง
พอถึงเวลาที่โรงเรียนเปิด เมลลิสต้องเข้าเรียนในโรงเรียนขุนนาง ชาเรีย (หญิงสาวที่โดนลักพาตัวแล้วได้เมลลิสช่วยไว้) ได้เข้ามาขอบคุณที่เมล (เมลลิสที่ปลอมตัวเป็นองครักษ์ของตนเองเวลาไปฝึกดาบ) ที่เคยช่วยเธอไว้และของเป็นเพื่อนกับเมลลิส
ในโรงเรียนเมลลิสได้พบกับหลุยส์ที่เป็นประธานนักเรียน หลุยส์ที่มาเดทและแสดงความรักกับเมลลิส จนทำให้เหล่าบุตรสาวขุนนางที่เป็นรุ่นพี่ไม่พอใจจึงมาหาเรื่องเมลลิส แต่เมลลิสกับรับมือได้อย่างสบายๆ ไม่หวาดกลัวแม้อีกฝ่ายจะเป็นรุ่นพี่ จึงทำให้ชาเรียที่ได้แอบตามมาจึงแน่ใจว่า "เมลลิสคือเมลที่เคยช่วยเธอ" ชาเรียยังแสดงความประทับใจเมลลิสออกมาต่อหน้าองค์ชายรัชทายาทที่ตามมาอีกคนด้วย หลังจบเรื่องชาเรียจึงเข้ามาพูดคุยขอบคุณและขอเป็นเพื่อนกับเมลลิสอีกครั้ง จนทั้ง 2 กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน
ด้านองค์ชายรัชทายาทที่เข้าเรียนในปีเดียวกันก็ได้มาพบกับเมลลิส พร้อมทั้งบอกว่าได้รับคำสั่งจากพระราชินีให้คอยจับตาดูเธอ จึงทำให้เมลลิสทราบจุดประสงค์ของพระราชินีที่อยากให้เธอแต่งงานกับองค์ชายรัชทายาท และทราบดีว่า "องค์ชายรัชทายาทไม่ได้มีความคิดเดียวกัน" เมลลิสจึงถามออกไปและทราบว่า "องค์ชายรัชทายาทมีหญิงสาวที่ชอบอยู่แล้ว"ล
พอเมลลิสมาบอกกับหลุยส์ฟัง หลุยส์ก็บอกว่า "เขาเดาได้อยู่แล้ว" และไม่คิดจะปล่อยมือจากเมลลิสแม้อีกฝ่ายจะเป็นพระราชินีก็ตาม ก่อนที่เมื่อโรงเรียนปิดเทอมที่เมลลิสกลับบ้านก็ได้รับบัตรเชิญร่วมงานเลี้ยงจากพระราชวังที่กำลังจะจัดขึ้น