(สปอย์) นักสืบตายแล้ว เล่ม 3


(สปอย์) นักสืบตายแล้ว เล่ม 3

พวกคิมิสึกะ คิมิฮิโกะ (พระเอก/ผู้ช่วยนักสืบ) นัตสึนางิ นางิสะ (หญิงสาวที่เปลี่ยนหัวใจของเซียสต้า) ไซคาวะ ยุย (ไอดอลสาว) และชาร์ลอตต์ อาริซากะ แอนเดอร์สัน (ชาร์ล/ลูกศิษย์เซียสต้า) ที่ได้ดูวีดีโอถึงเหตุการณ์เมื่อ 1 ปีก่อน ทำให้ความทรงจำของคิมิฮิโกะที่ถูกลบไปกลับคืนมา และทั้ง 4 ยังได้ทราบว่าตนคือมรดกที่เซียสต้า (ยอดนักสืบ/นางเอก) ทิ้งไว้ต่อสู้กับ SPES ก่อนที่ผู้ที่ลักพาตัวทั้ง 4 จะปรากฏกายออกมาคือเมดเซียสต้า แอนดรอยด์สาวที่สืบทอดยังรูปร่างหน้าตาและความทรงจำกับนิสัยมาจากเซียสต้าตัวจริง เมดเซียสต้ายังบอกบททดสอบให้กับนางิสะที่ต้องการสืบทอดการเป็นยอดนักสืบว่า "ต้องค้นหาจุดผิดพลาดในวีดีโอที่ดูไป" ถ้าสามารถหาได้เธอจึงจะได้รับตำแหน่งยอดนักสืบ ที่เป็นผู้ปรับประสาน 1 ใน 12 โล่ที่คอยปกป้องโลก

วันต่อมาคิมิฮิโกะที่ไปโรงเรียนตามปกติก็ได้พยายามเข้าไปทักทายนางิสะในช่วงพัก แต่นางิสะปฏิเสธก่อนที่เขาจะหลับไปแล้วตื่นมาพบนางิสะที่รออยู่ ทั้งสองจึงพูดคุยกัน ทำให้นางิสะที่กำลังเศร้าอยู่ได้ร้องไห้ระบายถึงความรู้สึกผิดที่ตนเองกลายเป็นต้นเหตุทำให้คนมากมายต้องตาย ก่อนที่จะได้บทสรุปคือต้องถามยังผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อ 1 ปีก่อน และบุคคลนั้นน่าจะเป็นเฮล (บุคลิกที่นางิสะสร้างขึ้นมา) เมดเซียสต้าจึงปรากฏตัวออกมาพร้อมทั้งบอกจะช่วยให้ได้คุยกับเฮลที่อยู่ภายในร่างของนางิสะอีกครั้ง



เมื่อทุกคนมาที่ห้องของคิมิฮิโกะ เมดเซียสต้าจึงเอากระจกพกพาที่เป็นอุปกรณ์ทั้ง 7 ของเซียสต้าส่องไปที่กระจกบานใหญ่เบื้องหน้า สะท้อนเงาของนางิสะทำให้เงาภายในแสดงตัวตนของเฮลออกมาพูดโต้ตอบกับทุกคน เฮลจึงได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่นางิสะกับเซียสต้ารู้จักกันให้ทุกคนทราบ

เมื่อ 6 ปีก่อนที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบนเกาะแห่งหนึ่ง เด็กสาวหมายเลข 602 ได้แอบออกไปชายหาดในยามค่ำคืนได้พบกับเด็กสาวผมสีเงินหรือเซียสต้า เซียสต้าจึงได้ตั้งชื่อให้กับเธอว่า "นางิสะ"

ตัวของนางิสะเป็นเด็กกำพร้าที่โดนทอดทิ้งและป่วยเป็นโรคหัวใจ เธอมักจะมีเพื่อนอยู่ 2 คนที่แอบเข้ามาหาเธอในห้องเสมอก็คือเซียสต้ากับเอจัง และที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้จะทำการใช้พวกเธอในการทดลองยา เพื่อแลกกับเงินบริจาค เซียสต้าที่สงสัยยังเบื้องหลังของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ทำการทดลองโดยมีเด็กจำนวนมากหายไป อีกทั้งในตุ๊กตาหมีของทุกคนก็ยังมีเครื่องดักฟัง โดยเอจังจะมีหน้าที่ในการประดิษฐ์เครื่องมือต่างๆให้

เซียสต้ากับนางิสะจึงได้ทำการสืบจนพบว่า "การทดลองที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ทำคือการปลูกฝังเมล็ดของซี้ด (พืชต่างดาวที่ต้องการยึดโลก) ที่ต้องการหาร่างใหม่ได้ฝั่งเมล็ดของตนเองลงไปในร่างเด็กๆ" แต่เมื่อเซียสต้ากับนางิสะได้พบกับซี้ดที่เป็นผู้อำนวยการหมายจะหยุดยั้งอีกฝ่าย แต่ทั้งระเบิดและปืนของทั้ง 2 กับไม่ยอมทำงานจึงทำให้พ่ายแพ้กับซี้ด ก่อนที่เอจังจะได้ออกมาพร้อมทั้งบอกว่า "เธอได้ร่วมมือกับซี้ดตั้งแต่แรก" ซึ่งทั้งเซียสต้ากับนางิสะที่โดนหลอกไม่มีคุณสมบัติที่จะสืบทอดเมล็ดของซี้ดได้ ให้เธอเป็นคนที่สืบทอดจะดีกว่า โดยให้ปล่อยทุกคนที่ไม่มีประโยชน์ไป แต่ซี้ดจึงมอบเมล็ดให้กับเอจังจนทำให้เธอเสียชีวิต ส่วนเซียสต้ากับโดนลบความทรงจำ นางิสะจึงได้สร้างบุคลิกของเฮลขึ้นมาที่เห็นถึงเอจังหรืออลิเซียที่ตาย

ต่อมาเซียสต้าได้ขโมยชิ้นส่วนของซี้ดและหนีออกไปจากสถานเลี้ยงเด็ก ส่วนเฮลที่เข้ารับการทดลองและทรมานต่างๆจนได้รับการยอมรับสืบทอดเมล็ดของซี้ด ช่วยให้เด็กที่เหลือปลอดภัย

นางิสะที่ได้ยินความจริงจึงบอกว่า "เฮลเป็นคนดี" ที่ยอมปกป้องเธอและทุกคนพร้อมทั้งโอบกอดเฮล ทั้งคิมิฮิโกะและนางิสะจึงทราบข้อผิดพลาดคือความผิดพลาดของเซียสต้าที่จดจำอลิเซีย ซึ่งเฮลได้ใช้ความสามารถของคาเมเลียนแปลงร่างไม่ได้ จึงเดาความคิดของเฮลที่ต้องการรับช่วงคดีแจ็กเดอะเดวิล (คดีชิงหัวใจ) ผิด เพราะจริงๆเฮลทำไปเพื่อหาหัวใจให้นางิสะต่างหาก จึงทำให้นางิสะสามารถยอมรับตัวตนของตนเองได้ ก่อนที่คิมิฮิโกะจะได้ข้อความจากคาเสะ ฟูบิ (ตำรวจสาว) ว่า "โคโมริ (ผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบิน/มนุษย์ดัดแปลงที่มีหูดี) ได้แหกคุกออกมา" และ "พ่อแม่ของยุยมีข่าวคดีทุจริตเงิน"



ยุยที่ประสบปัญหาจึงได้มาหาคิมิฮิโกะและได้ขอให้เขาเป็นโปรดิวเซอร์ให้เธอ และเพื่อเลี่ยงปัญหาเมดเซียสต้าจึงเสนอให้ไปพักยังฐานทัพของเธอที่มีความปลอดภัย ชาร์ลจึงปรากฏกายออกมาพร้อมทั้งขอไปด้วยอีกคน ทำให้การแบ่งห้องกลายเป็นนางิสะพักกับยุย และคิมิฮิโกะอยู่ห้องเดียวกับชาร์ล

ในตอนเที่ยงที่คิมิฮิโกะที่ต้องไปปลุกนางิสะกับยุยแล้วมาปลุกชาร์ลต่อ แต่กับพบยังชาร์ลกำลังดมหมอนของเขาจึงเข้าไปต่อว่า จึงโดนชาร์ลจับกดลงบนเตียงพร้อมทั้งจะขอยังความทรงจำและความภูมิใจ 18 ปี แต่กับโดนยุยเข้ามาเห็นเสียก่อน

นางิสะกับชาร์ลที่ทะเลาะกันจึงแข่งกันทำอาหารแต่สุดท้ายปรากฏว่า "อาหารของทั้ง 2 กับกินไม่ได้" จนยุยต้องเป็นคนทำแทน พร้อมทั้งบอกว่า"พวกเธอทั้งสองไม่มีคุณสมบัติของเจ้าสาว" จึงโดนทั้ง 2 เขม่นจ้องมองด้วยสายตาเย็นยะเยือก

เมดเซียสต้าที่ออกไปทำธุระเพียงแค่บอกคิมิฮิโกะที่รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ว่า "ให้ทำเพียงแค่เฝ้ามองเท่านั้น" เมื่อถึงเวลาต้องออกเดินทางไปถ่ายทำรายการ ก่อนถึงเวลายุยได้แวะไปยังสุสานของพ่อแม่ คิมิฮิโกะที่เห็นถึงความเศร้าสร้อยของยุยที่สะกดเอาไว้จึงให้เธอระบายออกมา คิมิฮิโกะจึงตะโกนร้องออกไปถึงเซียสต้าที่ตายโดยทิ้งเขาไว้ ทำให้ยุยร้องตะโกนถึงความไม่พอใจยังคนที่ต่อว่าพ่อแม่เธอ ทั้งยังบอกว่า "เธอเป็นคนเดียวที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเซียสต้าเลย"

พอถึงเวลาออกรายการ พิธีกรกับถามถึงเรื่องการทุจริตของพ่อแม่ยุย ยุยที่ก้าวออกไปจึงบอกกับทุกคนว่า "เวทีนี้เป็นเวทีที่เธอมาเพื่อตอบแทนแฟนๆ" จึงร้องเพลงให้กับทุกคน ทำให้แฟนๆกับมาสนับสนุนเธอและต่อว่าพิธีกรที่ถามแทน ในขนาดที่คิมิฮิโกะทำได้แต่เฝ้าดูเท่านั้น

พอถึงเวลาเลิกงานคิมิฮิโกะที่รออยู่นานยังไม่พบยุยมา จึงย้อนกลับไป กับได้รับการโจมตีจนสลบไปเมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งได้พบถึงสการ์เลตต์ แวมไพร์ที่เป็น 1 ใน 12 ผู้ปรับประสาน ด้วยความหิวจึงโจมตีคิมิฮิโกะเพื่อดื่มเลือดเขา ในระหว่างคุยจึงทำให้ทราบว่า "สการ์เลตต์รับงานของซี้ดในการช่วยพาโคโมริหนีออกมาร่วมมือกับ SPES อีกครั้ง" แต่โคโมริกับไม่ยอมร่วมมือกับ SPES ทั้งยังเสนอให้สการ์เลตต์ร่วมมือกับเขาในการชิงตัวยุย ก่อนที่โคโมริจะพาตัวยุยมาให้เธอตัดสินใจ โคโมริได้บอกถึงความจริงถึงดวงตาของยุยคือสิ่งที่พ่อแม่ยุยได้รับมาจาก SPES และการตายของพ่อแม่ยุยคือฝีมือของ SPES โคโมริจึงอยากให้ยุยร่วมมือกับพวกตนจัดการกับ SPES



สการ์เลตต์ยังเสนอข้อแลกเปลี่ยนคือจะชุบชีวิตพ่อแม่ของยุยให้ฟื้นขึ้นมา แต่การคืนชีพจะเป็นเพียงอันเดธที่มีความยึดติดสุดท้ายเท่านั้น เช่นคาเมเลียนที่ฟื้นขึ้นมาต้องการจะฆ่าคิมิฮิโกะ ซึ่งการฟื้นคืนชีพที่ไม่สมบูรณ์นี้ทำให้โคโมริไม่พอใจจนโจมตีสการ์เลตต์ แต่ก็โดนสการ์เลตต์จัดการไป ในขนาดที่ยุยไม่ได้ตอบอะไร เพราะสิ่งที่เธอทำอยู่ในตอนนี้คืออนาคตของพ่อแม่เธอที่ปรารถนา คิมิฮิโกะจึงจัดการสังหารคาเมเลียนอีกครั้ง

แต่พอคิมิฮิโกะกับยุยกลับมาถึงฐานทัพกับพบนางิสะโดนชาร์ลเล่นงานจนบาดเจ็บ เพราะชาร์ลได้รับคำสั่งจากองค์กรให้จัดการกับยุย เพราะซี้ดหมายจะใช้ร่างของยุยในการปลุกถ่ายเมล็ด ชาร์ลที่พุ่งเข้าโจมตียุยกับโดนคิมิฮิโกะได้เข้ามาขัดขวาง แต่สการ์เลตต์กับปรากฏตัวมารับดาบไว้พร้อมทั้งถีบชาร์ลกระเด็นออกไป เขายังเอาของที่โคโมริใช้เป็นของแลกเปลี่ยนมาให้กับคิมิฮิโกะ เพราะทำงานดึงตัวยุยไม่สำเร็จ แล้วโคโมริให้นำมามอบให้คิมิฮิโกะแทน คิมิฮิโกะจึงขอค่าตอบแทนที่สการ์เลตต์ดื่มเลือดเขาด้วยการให้พานางิสะกับยุยหนีไป ส่วนตัวคิมิฮิโกะจึงเข้าต่อสู้กับชาร์ลแทน

การต่อสู้ของคิมิฮิโกะกับชาร์ลจบลงที่เสมอกัน ก่อนที่ฟูบิจะปรากฏตัวออกมาพร้อมเฉลยว่า "เธอเป็นคนสั่งให้ชาร์ลแฝงตัวมาและสังหารยุย" และจริงๆเธอคือนักลอบสังหารในผู้ปรับประสาน ก่อนที่จะจัดการกับคิมิฮิโกะได้อย่างง่ายดายแล้วไปตามล่ายังยุยต่อกับชาร์ล

พอคิมิฮิโกะฟื้นขึ้นมาจึงพบเมดเซียสต้าที่ทราบทุกอย่างแต่ขัดขวางฟูบิไม่สำเร็จ แต่สำหรับคิมิฮิโกะแค่ต้องการให้เซียสต้าอยู่กับเขาเท่านั้นก็พอ ก่อนทั้ง 2 จึงรีบตามไปขัดขวางฟูบิกับชาร์ลทันที

เมดเซียสต้าที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ตาม (มีคิมิฮิโกะซ้อนท้าย) เจอชาร์ลเอาปืนยิงใส่ เมดเซียสต้าจึงยิงจรวดโจมตีทั้ง 2 จนฟูบิได้รับบาดเจ็บ แล้วเมดเซียสต้าจึงเข้าไปต่อสู้กับชาร์ลต่อ แต่ชาร์ลอาศัยยังความใจอ่อนของเมดเซียสต้าสามารถหยิบปืนจ่อหน้าผากเมดเซียสต้าได้ คิมิฮิโกะจึงบอกว่า "ร่างของเมดเซียสต้าคือร่างของเซียสต้า" ทำเอาเมดเซียสต้าตกใจและถามรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คิมิฮิโกะบอกรู้ตัวตั้งแต่แรกแล้วจากกลิ่นบนร่างเธอ ในขนาดที่ชาร์ลก็บอกว่า "เธอก็ทราบเช่นกัน" จากการดมหมอนคิมิฮิโกะ แต่ชาร์ลได้บอกว่า "งานแรกที่เธอทำตอนเด็กคือสังหารเซียสต้า" แต่พลาด เพราะกระสุนของเธอยิงไปโดนจี้ของเซียสต้าที่สวมไว้ตรงหัวใจ ตรงตามที่เซียสต้าเดาไว้ ชาร์ลที่พลาดจึงโดนองค์กรสั่งเก็บ แต่ได้เซียสต้าใช้ฐานะของผู้ปรับประสานช่วยไว้พร้อมทั้งมอบจี้ให้กับเธอ ก่อนที่จะทำงานให้ฟูบิต่อจากการฝากฝั่งของเซียสต้าหลังจากเสียชีวิต

คิมิฮิโกะจึงบอกว่า "มรดกที่เซียสต้าทิ้งไว้คือพวกเรา 4 คน" แต่ชาร์ลที่ยึดติดกับหน้าที่จึงเอาจี้ของเซียสต้าที่มอบให้โยนทิ้งแล้วจะกระทืบ แต่เมดเซียสต้ากับเอาตัวมาขวางไว้จนต้องร้องเจ็บออกมา ชาร์ลจึงขอโทษ เมดเซียสต้าจึงกอดชาร์ลพร้อมทั้งด่าว่า "ยัยโง่" ทำเอาชาร์ลร้องไห้ออกมาราวกับรอคอยคำดุด่าของเซียสต้าในฐานะลูกศิษย์มานาน แต่อยู่ๆเมดเซียสต้ากับถูกฟูบิยิงทะลุหัวใจ

ฟูบิที่ลุกขึ้นมาจึงบอกว่า "นางิสะอ่อนแอเกินไป" มีแต่ชาร์ลเท่านั้นที่เหมาะสมจะเป็นยอดนักสืบ ให้ไปสังหารยุยซะ แต่ชาร์ลกับปฏิเสธจึงเข้าต่อสู้กับฟูบิ แต่ไม่สามารถสู้ได้ ก่อนที่ฟูบิจะโดนนางิสะใช้ปืนคาบศิลายิงใส่แขนจากระยะไกลจากบนเครื่องบินด้วยฝีมือการขับและดวงตาของยุย

ทั้งนางิสะ ยุยและชาร์ลสามารถร่วมกันรุกไล่ฟูบิได้ จนฟูบิฉวยโอกาสที่เครื่องบิน บินวนมาอีกครั้งใช้ตะขอปีนขึ้นมาจนทำให้เครื่องบินตกได้ ชาร์ลจึงเข้ามาต่อสู้อีกครั้ง แต่ฝีมือของเธอเป็นรองฟูบิกำลังจะโดนจัดการ นางิสะจึงใช้พลังจากดวงตาสีแดงของเฮลหยุดการเคลื่อนไหวของฟูบิไว้ ก่อนที่ฟูบิที่พยายามต่อสู้พลังที่ไม่สมบูรณ์ของนางิสะจึงคิดถึงคิมิฮิโกะที่หายตัวไป

คิมิฮิโกะที่ได้กินชิ้นส่วนของคาเมเลียนที่ได้จากสการ์เลตต์ โดยไม่สนใจยังผลที่ตามมา ได้ใช้ความสามารถในการหายตัวเข้าไปโจมตีฟูบิได้สำเร็จก่อนที่จะจับเธอมัดไว้ แล้วเมดเซียสต้าจึงลุกขึ้นมาพร้อมทั้งเฉลยว่า "ทั้ง 4 ผ่านการทดสอบแล้ว" เพราะบททดสอบของนางิสะจำเป็นต้องรู้ว่าตนเองเป็นใครและยอมรับอดีต ยุยต้องยอมรับความจริงถึงความตายของพ่อแม่และเลือกเดินทางที่จะเดินต่อไป ชาร์ลต้องได้รับการปลดปล่อยจากหน้าที่ให้หันมาใส่ใจกับความรู้สึกของตัวเองและคิมิฮิโกะต้องพาตัวก้าวออกไปจากเซียสต้า

แต่คิมิฮิโกะกับจับเมดเซียสต้าไว้ไม่ยอมให้เธอจากไปได้บอกกับทุกคนว่า "จริงๆเซียสต้าก็ไม่อยากตายและเขาจะไม่ยอมตัดใจจากเธอ เขาจะหาวิธีทำให้เซียสต้าคืนชีพให้ได้"



เล่มพิเศษ 1 ชาร์ลที่โดนคิมิฮิโกะบอกว่า "อ้วนขึ้น" ทั้งหนีบเอวดูจนเจอชาร์ลเอามีดกระโดนคร่อมร่าง คิมิฮิโกะจึงบอกว่า "นี่เป็นวิธีชนะในเกมแข่งขันนางเอกหรือ" ชาร์ลจึงให้เขาเปรียบเป็นเซียสต้าดูสิ เซียสต้าคงด่า "เจ้าบ้า" แล้วยื่นแขนให้หนีบดู ชาร์ลจึงบอกว่า "ชัดเจนเลยว่าใครเป็นผู้ชนะ"

เล่มพิเศษ 2 นางิสะที่พบคิมิฮิโกะอยู่ระหว่างที่เธอปฏิเสธคนที่มาสารภาพรักจึงบอกว่า "เขาหึงละสิ" ถึงคิมิฮิโกะจะปฏิเสธ แต่นางิสะยังบอกว่า "คำตอบมันอยู่บนหน้าเขาต่างหาก" ก่อนที่จะชมตัวเองทำเอาคิมิฮิโกะเกือบเผลอที่จะเออออตามไปแล้ว

เล่มพิเศษ 3 เซียสต้าที่ป่วยจำทำตัวเป็นเด็กอ้อนให้คิมิฮิโกะป้อนข้าวต้มจนเสร็จ แต่พอจะออกไปจึงเจอถามว่า "จะไปไหน" พอคิมิฮิโกะบอกจะซื้อของกับเจอเซียสต้าถามอีกว่า "จะไปไหน" ทำเอาคิมิฮิโกะต้องนั่งอ่านหนังสือที่ด้านข้างเธอ