(สปอย์) ดาบหาญกล้าฝ่าแดนยุทธ์ เล่ม 3


(สปอย์) ดาบหาญกล้าฝ่าแดนยุทธ์ เล่ม 3

สวีเฟิ่งเหนียน (พระเอก) ได้ออกเดินทางท่องยุทธภพอีกครั้ง ในครั้งนี้เขาได้นำพายังเว่ยซูหยาง (นักพรตชรา) อวี๋โย่วเวย (อนุในนามที่เคยคิดสังหารเขา) ชิงเหนี่ยว (สาวใช้/เป็นปิ่งในนักฆ่าเดนตาย) เจียงหนี (สาวใช้พระเอก/อดีตองค์หญิงแคว้นซีฉู่ที่ล่มสลาย) อีกทั้งสวีเซียว (พ่อสวีเฟิ่งเหนียน) ยังมอบองครักษ์ให้ติดตามอีก 3 คนคือหลีว์เฉียวถังที่เชี่ยวชาญเพลงกระบี่ ซูซิวที่เป็นสตรีเวท หยางชิงเฟิงที่เชิญเทพบงการผีและหนิงเอ๋อเหมย (1ใน 4 เขี้ยวเล็บแห่งเป่ยเหลียง) แม่ทัพยุทธ์นำทหารม้าร้อยนาย ทั้งยังให้ชายชราแขนเดียวหรือเทพกระบี่หลี่ฉุนกังติดตามไปด้วยอีกคน



แต่พอเดินทางไปได้สักพักก็พบกับมนุษย์เกราะแดงมาขวางทาง หลีว์เฉียวถัง ซูซิว หยางชิงเฟิงทั้ง 3 คนจึงเข้าไปรับมือได้อย่างสูสี่ สวีเฟิ่งเหนียนจึงขอให้หลี่ฉุนกังลงมือ หลี่ฉุนกังจึงใช้ดัชนีกระบี่ท่ามกลางสายฝนหยุดมนุษย์เกราะแดง และใช้ร่มแทนกระบี่สังหารนักรบเกราะแดงได้อย่างง่ายดาย พร้อมทั้งบอกว่า "มนุษย์เกาะแดงคนนี้เป็น 1ใน 5 มนุษย์เกราะแดงธาตุน้ำ" หลี่ฉุนกังยังให้สวีเฟิ่งเหนียนจดจำลายยันต์บนมนุษย์เกราะแดงไว้เพื่อมีประโยชน์กับตนเอง

ในขนาดที่หนิงเอ๋อเหมยก็ใช้ทหารต่อสู้ขับไล่ยังมนุษย์เกราะแดงไปได้ตัวนึง แต่ก็สูญเสียทหารไปไม่น้อย สวีเฟิ่งเหนียนจึงให้หนิงเอ๋อเหมยนำศพทหารกลับไปเป่ยเหลียง ส่วนเขาจะเข้าไปพักรออยู่ในเมืองข้างหน้า

สวีเฟิ่งเหนียนที่ไปพักในเมืองได้อาศัยอยู่ในจวนของจิ้นหลันถิง นายอำเภออิ่งฉวน ก่อกวนจนจิ้นหลันถิงต้องล้มป่วย ทั้งยังกลัวภรรยาและอนุจะโดนสวีเฟิ่งเหนียนเรียกไปรับใช้บนเตียง แม้แต่ห่านที่เลี้ยงไว้ก็โดนจับไปย่างกิน พอสวีเฟิ่งเหนียนที่รอหนิงเอ๋อเหมยนำทหารกลับมาถึงจึงออกจากไปเมือง ก่อนไปสวีเฟิ่งเหนียนยังอาศัยบารมีของสวีเซียวเสนอชื่อจิ้นหลันถิงเข้าไปเป็นรองเสนาบดีฝ่ายรับใช้ใกล้ชิดฮ่องเต้ในเมืองหลวง จึงสร้างความยินดีให้กับจิ้นหลันถิงเป็นอย่างยิ่ง

พอทราบว่า "หนิงเอ๋อเหมยที่สามารถสยบยังแม่ทัพประจำเมืองได้" สวีเฟิ่งเหนียนจึงมอบให้หนิงเอ๋อเหมยดื่มเป็นการชื่นชมก่อนเดินทางต่อไป

ต่อไปสวีเฟิ่งเหนียนเดินทางขึ้นเขาชิงเฉิงที่มีโจรภูเขามากมาย ถึงกับโดนกลุ่มโจรดักปล้น เพราะหมายตาอวี๋โย่วเวย เจียงหนี ซูซิว แต่กับโดนชิงเหนี่ยวที่ปรากฏตัวมาที่หลังได้สังหารลูกสมุนโจรไป ก่อนที่สวีเฟิ่งเหนียนจะสั่งให้ทุกคนสังหารพวกหัวหน้าโจรทิ้ง

เมื่อเดินทางต่อไปก็พบกลุ่มโจรยากไร้ของเหม่าเมิ่งโถว ซึ่งสวีเฟิ่งเหนียนเคยรู้จักสมัยออกท่องเที่ยวกับเหล่าหวง 2 คน จึงได้ขึ้นเขาไปอยู่กับกลุ่มโจรยากไร้ของเหม่าเมิ่งโถว วันต่อมาจึงได้นำพาเด็ก 2 คนคือเสี่ยวซันจากับเสี่ยวเชวี่ยไปยังวังชิงหยางที่เป็นสำนักนักพรตปกครองยอดเขาชิงเฉิงนี้

พอขึ้นไปถึงวังชิงหยาง อู๋สื้อเจิน (บุตรเจ้าวัง) ที่หมายตาอวี๋โย่วเวย ชิงเหนี่ยว เจียงหนี ซูซิวที่งดงาม คิดจะใช้พวกนางฝึกบำเพ็ญเพียรคู่ จึงให้นักพรต 18 คนใช้ค่ายกลกระบี่อวี้เซียวลงมือหมายจัดการพวกสวีเฟิ่งเหนียน สวีเฟิ่งเหนียนจึงให้หลีว์เฉียวถัง ซูซิว หยางชิงเฟิงร่วมมือกับจัดการค่ายกลสังหารนักพรตจนหมด



อู๋สื้อเจินจึงได้ให้นักพรตอีก 36 คนใช้ค่ายกลกระบี่เสินเซียวที่เหนือกว่า แต่พอหนิงเอ๋อเหมยกุมทหารม้านับร้อยบุกโจมตี จึงทำให้อู๋หลิงซู่ (เจ้าวังชิงหยาง) ต้องออกมาหยุดยั้ง เพราะถึงแม้อู๋หลิงซู่ที่เป็นนักพรตได้รับการอวยยศเป็นหวางเหมือนสวีเซียว แต่กับไม่มีอำนาจอะไรเหมือนสวีเซียวเลย เพียงแค่อาศัยเมียในนามที่เป็นยอดฝีมือช่วยเหลือเท่านั้น พอเมียสั่งให้ถอนค่ายกล จึงถอนค่ายกล ประกอบกับสวีเฟิ่งเหนียนได้รับจดหมายจากหลี่อี้ซัน (อาจารย์) ว่า "ถ้าไม่สั่งหารหวางได้ ก็ไม่ควรสังหาร" อู๋หลิงซู่จึงให้อู๋สื้อเจินขออภัยสวีเฟิ่งเหนียน สวีเฟิ่งเหนียนจึงอาศัยอยู่ที่วังชิงหยาง 1 คืน

เช้าวันรุ่งขึ้นสวีเฟิ่งเหนียนได้พบเมียในนามของอู๋หลิงซู่ แท้จริงคือจ้าวอวี้ไถที่เป็นสาวใช้ของมารดาตน หรือองครักษ์กระบี่ผู้เป็นมงกุฎกระบี่วัยเยาว์รุ่นก่อนของสุสานกระบี่สกุลอู๋ จ้าวอวี้ไถยังได้แนะนำให้สวีเฟิ่งเหนียนคัดเลือกสุดยอดวิชาจากคัมภีร์นับร้อยนับพันที่ตนได้อ่านมา ฝึกฝนที่เหมาะกับตนเองแล้วชิงโจมตีก่อน เพื่อเกินความคาดหมายทำให้อีกฝ่ายยากจะป้องกันได้ ทั้งยังได้มอบกระบี่หงส์มังกรของมารดาสวีเฟิ่งเหนียนให้กับเขา เพื่อให้เขามอบให้กับหญิงสาวที่คู่ควรกับมันแทนของหมั้นและอยากรู้ว่า "หญิงสาวคนไหนจะเป็นคนลั่นกลองสาวงามในยามที่สวีเฟิ่งเหนียนนำทัพออกรบ"

ระหว่างลงจากเขาชิงเฉิง เพื่อรอคนไปส่งเสี่ยวซันจากับเสี่ยวเชวี่ย อวี๋โย่วเวยที่ชอบเด็กทั้ง 2 ไม่พอใจสวีเฟิ่งเหนียนที่สามารถดูแลทั้ง 2 ได้ แต่กับให้ส่งทั้ง 2 กลับไปอยู่อย่างอดอยากอีกครั้ง สวีเฟิ่งเหนียนจึงสวนกลับไปว่า "เขาไม่ชอบความคิดแบบพวกบัณฑิตเหมือนอย่างอวี๋โย่วเวยที่ชอบตัดสินใจแทนคนอื่น" รู้ได้อย่างไรว่า "เสี่ยวซันจากับเสี่ยวเชวี่ยจะชอบชีวิตที่ถูกเลี้ยงดูและโดนดูถูกจากผู้คนในเมืองได้"

แต่ในระหว่างนั้นเองพวกสวีเฟิ่งเหนียนกับได้ยินเสียงร้องคำรามของพยัคฆ์ขุย สวีเฟิ่งเหนียนจึงนำคนไปดู ได้พบพยัคฆ์ขุยตัวเมียท้องที่กำลังใกล้ตาย สวีเฟิ่งเหนียนจึงให้หยางชิงเฟิงผ่าท้องพยัคฆ์ขุยเอาลูกของมันทั้ง 2 ตัวออกมา ให้พยัคฆ์ขุยได้เห็นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสิ้นใจ ก่อนที่สวีเฟิ่งเหนียนจะเลี้ยงลูกพยัคฆ์ขุยทั้ง 2 ตัวไว้ ตั้งชื่อตัวเมียที่เป็นพี่ว่า "ผูซ่า (โพธิสัตว์)" ตัวผู้ที่เป็นน้องว่า "จินกัง (วัชระ)"

หวังฉงโหลว (เจ้าสำนักอู่ตัง/บู๊ตึ๊ง) ได้เสียชีวิตลงแล้ว จึงให้หงสี่เซี่ยง (ศิษย์น้องเจ้าสำนัก/ว่าที่เจ้าสำนัก/คนขี่กระบือ) ขึ้นเป็นเจ้าสำนักแทน ซึ่งหงสี่เซี่ยงก็ได้ย่างก้าวขึ้นไปบนกระเรียนเหลืองบินไปบนท้องฟ้า ทำให้ทุกคนทราบว่า "เขาก้าวเข้าสู่ปรากฏการณ์ฟ้าแล้ว"



สวีเฟิ่งเหนียนที่เปลี่ยนเป็นเดินทางทางเรือกับพบยังอู๋ลิ่วติ่ง (มงกุฎกระบี่วัยเยาว์รุ่นปัจจุบัน) มาขวางทางไว้ ใช้ไม้ถ่องัดเรือที่หนิงเอ๋อเหมยและทหารนั่งจนล่ม ทำให้สวีเฟิ่งเหนียนและทุกคนต้องใช้วิชาตัวเบาช่วยเหลือทหารกลางสายน้ำ ทำให้เหล่าทหารที่รอดชีวิตต่างประทับใจในตัวสวีเฟิ่งเหนียน

พอแล่นเรือต่อไปอีกพบอู๋ลิ่วติ่งมาขวางทางไว้ ตอนแรกสวีเฟิ่งเหนียนยั่วยุเจียงหนีว่า "ถ้ายิ้มสวยให้ตน" เขาจะออกไปต่อสู้กับอู๋ลิ่วติ่งแม้ต้องตายก็ตาม พอเจียงหนีพยายามยิ้มอยู่นานจึงรู้ว่า "โดนสวีเฟิ่งเหนียนหลอก" จึงโกรธและไม่พอใจ สวีเฟิ่งเหนียนที่หัวเราะชอบใจจึงกระโดดออกไปหมายจะสู้กับอู๋ลิ่วติ่ง แต่กับโดนหลี่ฉุนกังคว้าตัวกลับมา แล้วหลี่ฉุนกังจึงใช้ดาบปักเหมันต์ของสวีเฟิ่งเหนียนใช้เพลงกระบี่ระดับเซียนปฐพีโจมตีออกไปจะตัดสายน้ำขาดสะบั้น ทำเอาอู๋ลิ่วติ่งที่เห็นจึงจากไปทันที หลี่ฉุนกังยังกล่าวอีกว่า "เมื่ออู๋ลิ่วติ่งกลับมาอีกครั้งจะก้าวหน้ากว่าเดิม เพราะเห็นถึงกระบี่นี้"

หลี่ฉุนกังยังสอนถึงความแตกต่างระหว่างเดชกระบี่กับกระบวนท่ากระบี่ให้กับสวีเฟิ่งเหนียน เขาให้สวีเฟิ่งเหนียนฝึกดีดดาบปักเหมันต์ โดยให้ทำลายผลเหอเถาโดยที่ไม่ทำให้พื้นเรือเสียหาย พอทำได้จึงให้ใช้ผลเหอเถา 2 ผล โดนทำลายผลล่างโดยผลบนไม่เสียหาย จนเช้าวันต่อมาหลี่ฉุนกังจึงเห็นสวีเฟิ่งเหนียนสสามารถใช้วสันต์วิเชียร (ที่หนากว่า) แทน ส่วนตรงหน้ามีผลเหอเถาซ้อนถึง 3 ลูกแล้ว หลี่ฉุนกังจึงบอกว่า "ตนประเมินสวีเฟิ่งเหนียนพลาดไป"



หลี่ฉุนกังที่คิดรับเจียงหนีเป็นศิษย์ เพื่อถ่ายทอดเพลงกระบี่ให้ แต่นางกับไม่ยอมเรียน หลี่ฉุนกังจึงเปลี่ยนเป็นคิดสอนเจียงหนีคัดอักษรแทน

ปล.1.ระหว่างเดินทางสวีเฟิ่งเหนียนมักหยอกล้ออวี๋โย่วเวยด้วยมุก 2 แง่ 2 ง่ามบนเตียงเสมอๆ ทำให้นางต้องอายรีบวิ่งหนีออกไปหลายครั้ง และมักหยอกล้อมุกเงินๆทองๆให้เจียงหนีต้องท่องคัมภีร์ให้ตนและมักยั่วโมโหนางเสมอๆ

2.ระดับขั้นยอดฝีมือคือ 1.ขั้นวัชระ 2.ขั้นดัชนีอัศจรรย์ 3.ขั้นปรากฏการณ์ฟ้า เหนือขึ้นไปคือเซียนปฐพี