(สปอย์) อริสเทีย จักรพรรดินีผู้ถูกลืม เล่ม 3




(สปอย์) อริสเทีย จักรพรรดินีผู้ถูกลืม เล่ม 3

ในการฝึกซ้อมของหน่วยอัศวินที่กองที่ 1ของอริสเทีย (นางเอก) ที่รับหน้าที่บุกโจมตีเพื่อช่วยตัวประกัน ด้วยความสามารถของเธอที่สังเกตุเห็นถึงทางเดินเข้าออกของข้ารับใช้จึงสามารถทำให้แอบบุกขึ้นไปบนกำแพง จึงสามารถจัดการพลธนูของอีกฝ่าย และช่วยยิงธนูสนับสนุนพวกตนได้ ตลอดจนเมื่อหน่วยของเธอที่บุกนำเข้าไป ตกอยู่ในวงล้อมของอีกฝ่าย อริสเทียก็ได้ใช้บันไดเชือกปีนขึ้นไปบนกำแพงแล้วใช้ธนูยิงช่วยทุกคนจนสามารถล้มศัตรูได้ ทำให้กองอัศวินที่ 1 สามารถบุกไปถึงจุดหมายและอริสเทียว่องไวสามารถฝ่าอัศวินที่ปะทะกันจนไปถึงห้องตัวประกันได้สำเร็จในเวลาที่กำหนด นำพาชัยชนะมาได้ รูบริส (พระเอก/รัชทายาท) จึงได้มอบรางวัลให้กับหน่วยของอริสเทียที่มีคาร์เซน (เพื่อนนางเอก/1 ใน 2 อัจฉริยะของจักรวรรดิ/นักดาบอัจฉริยะ) เป็นหัวหน้าที่สามารถสร้างผลงานได้ดีที่สุดอีกด้วย

ระหว่างกลับบ้านอริสเทียกับเคย์เรียน (มาร์ควิสโมนิก/พ่อนางเอก) ได้แวะเดินเที่ยวกัน อริสเทียพาเคย์เรียนไปร้านตัดเสื้อผ้า เพื่อตัดชุดออกงานเลี้ยงให้บิดา และเคย์เรียนก็ได้สั่งให้ตัดชุดให้อริสเทียเพิ่ม โดยชุดนี้ได้ปักตราประจำตระกูลที่เป็นรูปโล่และหอกเอาไว้ เป็นการแสดงถึงผู้แทนผู้นำตระกูลและทายาทผู้สืบทอด เพราะเคย์เรียนได้เห็นถึงผลงานและการตัดสินใจในการฝึกซ้อมของเธอที่สามารถไว้วางใจได้

พอมาถึงตรอกแห่งหนึ่ง อริสเทียเห็นถึงเคย์เรียนมีสีหน้าเศร้าสร้อยจึงสงสัย ก่อนที่ทั้งสองจะไปทานอาหารกัน อริสเทียที่ได้ถามออกไป จึงทำให้ทราบว่า "ที่ตรอกนี้เคย์เรียนได้พบกับเจเรเมีย (แม่นางเอก) เป็นครั้งแรกและได้ช่วยเธอไว้"

ต่อมาอริสเทียได้มาเยี่ยมแพตทริเซีย (องค์หญิงแห่งลิซา) ที่รักและแต่งงานกับเซอร์เฟเดน (อัศวินองครักษ์ประจำตัวของแพตทริเซีย) คาร์เซนจึงขอไปด้วย เพราะต้องการประลองดาบกับเฟเดน แต่ในระหว่างกลับ ทั้ง 2 กับเจอนักฆ่ามาลอบสังหาร แม้อริสเทียกับคาร์เซนจะช่วยกันสังหารนักฆ่าไปได้หลายคน แต่คาร์เซนก็บาดเจ็บหนักที่แขนซ้าย เพราะปกป้องอริสเทีย ส่วนอริสเทียก็ได้รับบาดเจ็บที่แขนซ้ายเช่นเดียวกัน ก่อนที่อัศวินองครักษ์ที่รูบริสสั่งให้คอยดูแลอริสเทียจะรีบเข้ามาช่วยให้ทั้ง 2 สามารถหลบหนีกับไปถึงคฤหาสน์โมนิกได้

เคย์เรียนจึงรีบขอให้ท่านอัครสาวกเทอร์ทิอัสรีบมาช่วยใช้เวทมนต์รักษาทันที พอเทอร์ทิอัสมาถึงก็ได้รักษาอริสเทียก่อนในฐานะหญิงสาวผู้ถูกเลือก ที่ได้รับชื่อกลางจากพระเจ้าว่า "ไพโอเนียร์" (ผู้บุกเบิกแห่งโชคชะตา) ก่อนจะไปรักษาคาร์เซน ก่อนจากไปเทอร์ทิอัสยังได้ขอพบอริสเทียเป็นการส่วนตัวในภายหลังแทนการรักษาเธอด้วย

รูบริสที่ทราบข่าวว่า "อริสเทียโดนลอบทำร้าย" ก็มาพบเธอตอนที่ออกมาส่งคาร์เซนกลับ เขาที่เห็นเธอไม่เป็นอะไรจึงบอกให้พักผ่อนก่อนจากไป ทิ้งความงงๆและไม่เข้าใจในการกระทำให้กับอริสเทียเท่านั้น

ต่อมาเมื่อร้อนจัด องค์จักรพรรดิที่สุขภาพไม่ดีจึงย้ายไปอยู่วังฤดูร้อน อริสเทียจึงต้องตามไปด้วย โดยที่รูบริสต้องว่าราชการแทน แต่อยู่ๆกับมีข่าวส่งมาจากเมืองหลวงถึงหญิงสาวผมสีดำที่ปรากฏตัวมาที่ริมทะเลสาบในพระราชวัง ทำให้อริสเทียทราบว่า "จีอึน (หญิงสาวที่เป็นผู้ถูกเลือกตัวจริงและได้แต่งงานกับรูบริสในชาติก่อน)ได้ปรากฏตัวมาแล้ว แถมยังมาก่อนเวลาในชาติก่อน 1 ปี จึงทำให้เธอตกใจ เพราะการที่เธอเปลี่ยนแปลงชะตาของตนเอง มันทำให้หลายสิ่งเปลี่ยนไป ร่วมถึงตัวอันเลนดิส (เพื่อนนางเอก/1 ใน 2 อัจฉริยะของจักรวรรดิ/ผู้มีความทรงจำและความฉลาดเป็นเลิศ) ที่โดนเธอปฏิเสธความรักไปก็ออกท่องเที่ยวไม่ยอมกลับมา

องค์จักรพรรดิจึงแกล้งป่วย เพื่อให้อริสเทียได้เข้ามาดูแลและช่วยชงชา เพื่อเป็นการช่วยกันเธอออกจากคำพูดของผู้คนที่ใครควรเป็นคู่หมั้นของรูบริส เคย์เรียนก็ได้รีบเดินทางมาหาอริสเทียอีกคน เพราะเขาเคยได้ยินอริสเทียเล่าถึงเรื่องราวในชาติก่อนว่า "เป็นความฝัน" ยิ่งการปรากฏตัวของจีอึน จึงทำให้เป็นห่วงถึงบุตรสาว และถามอริสเทียว่า "จะเลือกเป็นผู้นำตรตระกูลคนต่อไปหรือเป็นพระชายาของรูบริส" เคย์เรียนก็จะสนับสนุน แต่อริสเทียทั้งๆที่มีคำตอบอยู่แล้วกลับไม่สามารถกล่าวออกไปได้ และพอเคย์เรียนได้รายงานเหตุการณ์ในเมืองหลวงให้องค์จักรพรรดิทราบ องค์จักรพรรดิจึงตัดสินใจเดินทางกลับเมืองหลวง

เมื่อกลับถึงเมืองหลวง อริสเทียถูกเชิญไปพบเทอร์ทิอัสตามสัญญา แต่ในระหว่างที่พูดคุย อริสเทียกับได้ยินเสียงของพระเจ้า เสียงได้บอกถึงจีอึนที่เป็นหญิงสาวผู้ถูกเลือก ที่ได้รับชื่อกลางจากพระเจ้าว่า "กราสเพอร์" (ผู้กุมโชคชะตา) จึงทำให้เทอร์ทิอัสตกใจ เพราะมีแต่อัครสาวกเท่านั้นจะได้ยิน ส่วนสาเหตุที่เทอร์ทิอัสอยากคุยกับอริสเทีย เพราะอยากเห็นผู้ถูกเลือกใกล้ๆเท่านั้น

พอข้อความที่จีอึนกลายเป็นผู้ถูกเลือกเผยแพร่ออกไป ทำให้กลุ่มขุนนางที่นำโดยดยุกเชนาต้องการดันให้จีอึนกลายเป็นคู่หมั้นรูบริสแทนอริสเทีย แต่ทางฝั่งราชวงศ์ที่นำโดยดยุกราช (พ่อคาร์เซน)ไม่ยอม จึงเลือกที่จะสนับสนุนอริสเทีย แต่ฝั่งดยุกเชนากับบอกว่า "จีอึนที่เป็นผู้ถูกเลือกต่างหากที่เหมาะสมกว่า"

ก่อนเริ่มประชุมดยุกเชนาและฝัางขุนนางต้องการให้อริสเทียนั่งในฐานะผู้โดนสอบสวน แต่อริสเทียกับชิงถามองค์จักรพรรดิก่อนจึงทำให้เธอสามารถนั่งร่วมกับเหล่าขุนนางได้ แต่ดยุกเชนายังไม่ยอมแพ้คิดที่จะให้เธอนั่งในหมู่บุตรขุนนางทั่วไป อริสเทียจึงชี้ให้เห็นถึงชุดที่เธอสวมมีตราประจำตระกูลจึงสามารถนั่งด้านข้างของเคย์เรียนที่เป็นผู้นำตระกูลได้ แต่ดยุกเชนายังบอกอีกว่า "อริสเทียมีสายเลือดชั้นต่ำของมารดาที่เป็นน้องสาวตนโดนอัศวินจับตัวไปข่มขืนจนตั้งครรภ์ ไม่ใช่สายเลือดที่แท้จริงของตระกูลโมนิก" ทำให้เคย์เรียนไม่พอใจ จนฝ่ายราชวงศ์กับขุนนางทะเลาะกัน องค์จักรพรรดิจึงห้ามและรับรองฐานะของเจเรเมีย จึงสงบได้และพักการประชุมชั่วคราว

แต่อริสเทียที่เห็นจีอึนกับรู้สึกว่า "อีกฝ่ายแตกต่างไปจากเดิม แสดงถึงความเป็นศัตรูออกมา" ยิ่งได้เห็นจีอึนพูดว่า "ยินดีที่ได้พบกันอีก" จึงทำให้อริสเทียทราบว่า "จีอึนมีความทรงจำจากชาติก่อน"

* เส้นผมสีเงินของอริสเทียเป็นสีเงินของตระกูลโมนิก

อริสเทียจึงได้ทราบเรื่องของเจเรเมีย แม่ของเธอที่จริงๆเป็นลูกน้องสาวของดยุกเชนา (และมีศักดิ์เป็นตานางเอก) ที่หนีออกจากตระกูลไปแต่งงานกับขุนนางยากไร้ พอสามีเสียชีวิตจนต้องทำงานหนักจนป่วย เจเรเมียจึงได้มาขอความช่วยเหลือจากดยุกเชนา แต่กลับโดนปฏิเสธจนได้พบเคย์เรียน พ่อของเธอ

การประชุมดำเนินต่อ ดยุกเชนาต้องการรับจีอึนเป็นบุตรบุญธรรม เพื่อให้ทัดเทียมอริสเทีย เพื่อที่จะดันเป็นคู่หมั้นรูบริส ทางฝั่งราชวงศ์ก็คิดดึงตัวจีอึนมาเป็นพวกเช่นกัน ดยุกราชและเคย์เรียนจึงจะรับจีอึนเป็นบุตรบุญธรรม เพราะทราบดีว่า "อริสเทียไม่ต้องการแต่งงานกับรูบริส" แต่จีอึนกับเลือกที่จะเป็นบุตรบุญธรรมของดยุกเชนา จึงทำให้ฝั่งราชวงศ์ต้องดันอริสเทียที่เป็นคู่หมั้นรูบริสอีกครั้ง โดนไม่สนใจถึงความรู้สึกของเธอ หรือแม้แต่เคย์เรียนจะคัดค้านก็ตาม

ดยุกเชนายังเสนออีกว่า "อริสเทียยังไม่บรรลุนิติภาวะจึงไม่เหมาะสมกับรูบริสที่ต้องการผู้ช่วยเหลือในตอนนี้" องค์จักรพรรดิจึงได้ตัดใจให้อริสเทียเป็นชายาเอก ส่วนจีอึนเป็นชายารอง แต่รูบริสกับบอกว่า "อริสเทียได้ผ่านการพิสูจน์และยอมรับในความสามารถแล้ว ส่วนจีอึนยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์" จึงให้เลื่อนการแต่งตั้งออกไปก่อน 1 ปี เพื่อให้จีอึนได้พิสูนจ์ตนเองและเมื่ออริสเทียบรรจุนิติภาวะแล้วจึงค่อยตัดสิน

ด้านดยุกราชได้มาขอโทษอริสเทียที่ฝ่ายราชวงศ์จำเป็นต้องผลักดันเธอขึ้นเป็นจักรพรรดินี เพราะไม่อยากให้ฝ่ายขุนนางผลักดันจีอึนได้สำเร็จ และรับปากว่า "หากขัดขวางจีอึนแบะฝ่ายขุนนางได้จะหาหญิงสาวคนอื่นมาเป็นชายาของรูบริสแทนเธอ"

หลังการประชุมรูบริสได้มาพบอริสเทียบอกถึงความรู้สึกของเขาที่ชอบเธอ อยากให้เธอให้โอกาสเขา สิ่งที่เขาทำได้ในยามนี้คือยืดเวลาออกไปเท่านั้น ซึ่งอริสเทียที่หวั่นไหวในความรู้สึกที่มีต่อรูบริสเช่นกัน แต่เธอยังจดจำได้ถึงชาติก่อนที่เขาโหดร้ายกับเธอ ทั้งน้ำเสียงและหน้าตาก็เหมือนกัน ยิ่งทำให้เธอไม่สามารถลืมและเชื่อใจเขาได้

ต่อมาในงานเปิดตัวจีอึนที่เป็นบุตรบุญธรรมของดยุกเชนา รูบริสต้องออกงานคู่กับจีอึน คาร์เซนที่เห็นอริสเทียทำงานหนักจึงเตรียมชุดให้กับเธอ และออกงานคู่กับเธอ แต่ในระหว่างนั้นกับมีปัญหาน้ำถ่วงเกิดขึ้น องค์จักรพรรดิจึงเรียกทุกคนเข้าพบ แต่ถามถึงวิธีแก้ปัญหากับอริสเทียและจีอึนในฐานะว่าที่พระชายา ซึ่งจีอึนที่ตอบก่อนได้เสนอให้ลงโทษขุนนางที่ดูแลและช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ทั้งการแจกอาหารและสร้างที่อยู่อาศัยให้ ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย พอถึงตาอริสเทีย เธอก็เห็นด้วยเช่นกัน แต่กับชะลอการลงโทษขุนนางไว้ภายหลัง เพราะจะทำให้การช่วยเหลือยุ่งยากหากเปลี่ยนผู้รับผิดชอบ และเสนอให้สร้างเขื่อนและที่เก็บน้ำสำหรับยามแล้งด้วย โดยประชาชนที่ช่วยเหลือจะได้ลดภาษี จึงทำให้องค์จักรพรรดิพอใจสั่งให้รูบริสดำเนินการทันที

หลังจากเข้าเฝ้ารูบริสได้มาพบอริสเทียและบอกรักเธอ เขาขอโอกาสและไม่อยากให้เธอปิดกั้นความรู้สึกที่แท้จริง แต่หากเธอไม่ต้องการ เขาก็จะไม่บังคับเธออย่างเด็ดขาด

ต่อมาถึงงานเฉลิมฉลองวันสถาปนาจักรวรรดิ โดยอริสเทียต้องรับผิดชอบในวันที่ 2 และจีอึนต้องรับผิดชอบในวันสุดท้าย ในฐานะของว่าทีพระชายา ซึ่งอริสเทียที่ต้องทำงานในหน่วยอัศวิน งานของตระกูลโมนิกและงานฉลองจึงรู้สึกไม่สบาย ในระหว่างประชุมยังได้ยินเสียงของพระเจ้าที่ว่า "อัครสาวกคนใหม่จะมาเกิด" จึงทำให้วิงเวียน จนองค์จักรพรรดิต้องให้หมอหลวงมาตรวจดู หมอหลวงแค่บอกว่า "ทานน้อยและพักผ่อนไม่พอ" เธอจึงโดนเคย์เรียนและคาร์เซนที่มาเรียนดาบกับบิดาเธอบังคับให้พักผ่อนและทานอาหาร ในระหว่างที่อริสเทียทำงานที่กองอัศวิน คาร์เซนยังให้เธอนอนพักและช่วยจัดการงานเอกสารให้

ดัชเชสราช (แม่คาร์เซน) ที่ไม่ชอบอริสเทียได้มาพบเธอ เพราะดัชเชสราชที่เป็นน้องสาวองค์จักรพรรดิต้องรับหน้าที่จัดงานในวันแรกและมีเรื่องกับจีอึนในตอนที่ดูแลจีอึนที่พึ่งปรากฏตัวมา จึงอยากให้อริสเทียชนะ แต่พออริสเทียที่ได้รับชุดชาต้มจากชุดชาสีเงินที่ได้ประทานมาจากในวังที่มีตราประจำองค์จักรพรรดิกับไม่ได้ใช้ เพียงใช้ชุดกาในกองอัศวินต้มชา พอดัชเชสราชดื่มกับบอกว่า "รสชาติแปลกไป"



ในงานวันแรกอริสเทียต้องออกงานสวนสนามของกองทัพคู่กับรูบริสในฐานะคู่หมั้น แต่เธอกับมีอาการวิงเวียนไม่สบาย จนรูบริสต้องช่วยประครองไว้จนกระทั่งขึ้นรถม้า จึงสั่งให้เธอรีบกลับไปพักผ่อน

พอถึงงานวันที่ 2 ที่อริสเทียต้องดูแลด้วยความช่วยเหลือของพรินเซีย (เพื่อนนางเอก/พี่สะใภ้ของคาร์เซน) แพตทริเซียและเกรชที่เป็นบุตรสาวขุนนาง แต่มีความทะเยอทะยาน อริสเทียจึงคิดว่า "เกรชเหมาะสมจะเป็นชายารองของรูบริสหลังจากที่จัดการจีอึนออกไปแล้ว" แต่ในงานเลี้ยงกับพบบุตรสาวทางฝั่งขุนนางมาค่อยก่อเรื่องในงาน ส่วนจีอึนที่เป็นคู่กับรูบริสที่ยังแสร้งมาทำดีด้วย แต่ว่ากระทบเธอ ในขนาดที่อริสเทียที่รับมือกับปัญหาต่างๆก็รู้สึกไม่สบายขึ้นมาอีก แต่ก็ต้องทนจนจบงาน โดยมีคาร์เซนเคยช่วยประคองอริสเทียที่หน้าซีดไว้

ในงานวันที่ 3 ที่อริสเทียต้องเต้นรำกับรูบริส อริสเทียที่พยายามทนอาการวิงเวียน จนเต้นรำจนจบ แต่สุดท้ายเลือดก็ไหลออกมาจากปากเธอพร้อมทั้งล้มลงไป