(สปอย์) ราชันโลกพิศวง เล่ม 25


(สปอย์) ราชันโลกพิศวง เล่ม 25

ไคลน์ (พระเอก/เดอะฟูล/ผู้วิเศษระดับ 6 คนไร้หน้า) ที่รับงานปลอมตัวเป็นเอมิลิอัส รีเวลท์ (นายพลของกองทัพเรือ/ผู้วิเศษระดับกึ่งเทพ) เป็นเวลา 3 ถึง 5 วัน ในวันแรกก็ได้พบแอสตัน (น้องชายเอมิลิอัส/ผู้สำเร็จราชการแห่งโอลาวี) มาหา เพื่อขอให้ร่วมมือทำอะไรบางอย่าง ส่วนตอนกลางคืนกับเจอเงาพร่าเลือนเข้ามาเตือน "อย่าเข้าไปยุ่งเรื่องของพวกแอสตัน" ซึ่งไคลน์เดาว่า "อีกฝ่ายน่าจะเกี่ยวข้องกับคณะนักพรตสนธยา"

วันต่อมามีโทรเลขจากทางแบคลุนค์มาว่า "ได้ส่งผู้สำเร็จราชการคนใหม่มาแทนแอสตัน" ซึ่งไคลน์ก็ได้ตัดสินใจในฐานะของเอมิลิอัส ให้เลขาซื้อตั๋วเรือให้แอสตันกลับแบคลุนค์อย่างปลอดภัยเท่านั้น คืนต่อมาซินเทีย (เมียน้อยของเอมิลิอัส) ที่พยายามจะมีลูกกับเอมิลิอัสได้ถูกคนของลัทธินอกรีดหลอกให้ใช้ยาและพิธีกรรมบางอย่างจนทำให้คนในคฤหาสน์สมสู่กันในยามค่ำคืน จนซินเทียเสียสติและกลายเป็นปีศาจร้าย

ไคลน์ที่ใช้ข้ออ้างได้รับบาดเจ็บจึงแยกห้องนอนได้ตื่นมาพบเหตุการณ์ผิดปกติและเข้าต่อสู้ จนต้องใช้เครื่องรางกฎหมายตราที่เก้า (ที่เอมิลิอัสมอบให้) จึงกำจัดซินเทียที่เสียสติไปได้ ไคลน์จึงให้เลขาทำการสืบพบว่า "ซินเทียได้ยามาจากหัวหน้าลัทธิเทห์ฟากฟ้า

จึงจับหัวหน้าลัทธิเทห์ฟากฟ้ามาและทำการสืบสวนได้ว่า "หัวหน้าลัทธิได้รับนิมิตจากพฤกษามาตาแห่งปรารถนาให้ลงมือ" ซึ่งถ้าไคลน์มีอะไรกับซินเทียก็จะโดนการปนเปื้อนและอาจโดนควบคุมได้ ไคลน์ที่ทราบว่า "พฤกษามาตาแห่งปรารถนาเป็นเทพเจ้าที่แท้จริงของกลุ่มกุหลาบนิยม" จึงฉุกใจคิดได้ว่า "วันที่เขามาถึงเกาะแห่งนี้" เป็นวันเดียวกับคนที่จะปลอมตัวเป็นเอมิลิอัสได้ตาย จึงสังหรณ์ใจว่า "หรืออีกฝ่ายจะมีเป้าหมายที่แท้จริงคือตนเอง" ต่างหาก

และเมื่อเอมิลิอัสกลับมาได้ทราบเรื่องทั้งหมด ไคลน์จึงจบงานและได้รับค่าตอบแทนจากบิลต์ (หัวหน้าสมาคมช่วยเหลือนักผจญภัยของโอลาวี) ตามที่ตกลงไว้

ด้านออเดรย์ (เดอะจัสติส/ผู้วิเศษระดับ 7 จิตแพทย์) ที่แฝงตัวเข้าไปในสมาคมเล่นแร่แปรธาตุจิตได้รับรู้ถึงชื่อน้ำยาผู้วิเศษลำดับ 6 ของเธอคือนักสะกดจิต แต่การที่จะได้รับถึงสูตรน้ำยา ออเดรย์ต้องทำงานให้กับสมาคมอย่างหนึ่งคือการไปซื้อบันทึกสงคราม 20 ปีมาจากรองศาสตราจารย์มิเชลที่มหาลัยสโตเอนมามอบให้กับทางสมาคมก่อน

ด้านฟอลส์ (เดอะเมจิกเชี่ยน/ผู้วิเศษระดับ 8 มายากร) ก็สามารถย่อยน้ำยาได้สำเร็จแล้วจากการไปทำงานที่คณะละครสัตว์

ไคลน์ที่ใช้เวลา 2 เดือนในการปลอมตัวเป็นอาสาสมัครทำงานต่างๆ จนใกล้ย่อยน้ำยาของคนไร้หน้าได้หมดแล้ว จึงได้ตัดสินใจเดินทางไปพบกับคนติดต่อของแคทลียา (เดอะเฮอร์มิท/ผู้วิเศษระดับ 5) ที่นครสีขาว ไคลน์ได้ใช้ลูกแก้วติดต่อแคทลียา เพื่อขึ้นเรืออนาคตของเธอมุ่งหน้าไปยังเขตตะวันออกสุดของทะเลโซเนีย เข้าสู่ทะเลแห่งซากปรักหักพัง ซึ่งเป็นอดีตสมรภูมิของทวยเทพ ที่เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่านางเงือก เพื่อใช้ในการเลื่อนขั้นเป็นผู้วิเศษประดับ 6 นักเชิดตุ๊กตาอาถรรพ์

แคทลียาจึงทราบว่า "เดอะเวิลด์คือนักผจญภัยเกอร์มัน สแปร์โรว์ (ตัวปลอมของไคลน์)" และถามถึงสาเหตุที่ทราบว่า "เธอ (เดอะเฮอร์มิท) คือแคทลียา" ไคลน์จึงกลบเกลื่อนออกไปว่า "เดาจากดวงตาของเธอ" จึงทำให้แคทลียาเดาว่า "เขาในตอนแรกอาจไม่แน่ใจ" จึงได้ทดสอบจากปฏิกิริยาเธอก่อนทราบความจริงเท่านั้น

ไคลน์มุ่งหน้าไปยังนครสีขาวอันเป็นจุดนัดพบกับแคทลียา เพื่อรอขึ้นเรือ แต่ก่อนจะถึงเวลานัดเขากับได้พบกับนักผจญภัยวิ่งหนีเข้ามาในบาร์ ก่อนที่จะร้องหายังคนของสมาคมนักผจญภัยให้ช่วยเหลือ ก่อนที่เคียร์ชไอซ์ ฉายามือสังหารต้นหนของอะกาลีโต ราชันอมตะ (1ใน 4 จตุราชันย์) จะตามอีกฝ่ายเข้ามา แต่เมื่อเคียร์ชไอซ์พบเห็นถึงไคลน์ในฐานะนักผจญภัยเกอร์มันจะรีบหลบออกไป ก่อนที่จะแอบย้อนมาเตือนไคลน์ในภายหลังว่า "อย่ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้"

เมื่อถึงเวลาค่ำคืนไคลน์จึงได้ไปยังท่าเรือของนครสีขาวตามที่นัด ก่อนที่เรืออนาคตจะเลื่อนตรงมายังท่าเรือท่ามกลางความตกใจของผู้คน เรืออนาคตยิงปืนใหญ่เป็นสัญญาณขึ้น ไคลน์จึงรีบขึ้นไปแล้วเรือจึงแล่นออกไปทันที บนเรือแคทลียายังได้แนะนำให้ไคลน์ได้รู้จักแฟรงค์ ลี ฉายาผู้เชี่ยวชาญพิษ (สายผู้ไถหว่าน) ที่เป็นอดีตคนของลัทธิเทพมารดาแห่งแผ่นดิน ต้นหนฮีธ ดอยล์ ฉายาผู้ปราศจากโลหิต (ผู้วิเศษระดับ 6 บิชอปกุหลาบ) คนธรรดาที่กลายเป็นบิชอปกุหลาบโดยบังเอิญ โดยไม่ผ่านการเป็นผู้ตรับฟัง และยังได้พบโจรสลัดสาวนีน่า ฉายามือสังหารใต้ทะเล (ผู้วิเศษระดับ 7 นักท่องทะเล) ที่ดูสมเป็นโจรสลัดสาวจริงๆ ไม่เหมือนแคทลียาและเอ็ดวินาที่มีบุคลิกนักวิชาการและเป็นตัวแทนขององกรณ์ต่างๆ

ในการเดินทางไคลน์จะได้รับความสนิทสนมและสนใจจากแฟรงค์เป็นพิเศษ เขาที่ชอบตัดต่อพันธุกรรมสิ่งต่างๆมักบอกถึงผลงานให้ไคลน์ฟัง เช่นมันฝรั่งที่มีรสชาติของเนื้อวัว เลือดปลาที่มีรสชาติของไวน์ หรือเหล้าที่มีผลของยากล่อมประสาท เป็นต้น จึงทำให้ไคลน์ทราบว่า "ทำไมอีกฝ่ายจึงโดนลัทธิเทพมารดาแห่งแผ่นดินตามล่า"

ออเดรย์ได้ไปพบรองศาสตราจารย์มิเชลและทำทีสนใจถึงประวัติศาสตร์และของสะสมของอีกฝ่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลของเธอ จนสุดท้ายเอ่ยปากขอซื้อยังบันทึกสงคราม 20 ปี แต่มิเชลได้ปฏิเสธ ออเดรย์จึงได้เสนอจะมอบที่ดินและทุนในการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ให้ เพื่อให้มิเชลได้ค้นคว้าวิจัยถึงประวัติศาสตร์และวัตถุโบราณที่เขาต้องการ สุดท้ายมิเชลจึงได้มอบบันทึกสงคราม 20 ปีให้ออเดรย์เป็นการตอบแทน

พอออเดรย์ได้อ่านยังบันทึกสงคราม 20 ปีจึงทราบว่า "มันได้ใช้ไวยากรณ์ของภาษามังกรยักษ์" เธอที่อยากลองใช้การพยากรณ์ดู จึงได้ขอความคุ้มครองจากเดอะฟูล ไคลน์ที่รับทราบจึงตอบรับผ่านบานกระจก ทำให้เขาได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของออเดรย์เป็นครั้งแรก พบว่า "เธอเป็นเด็กสาวที่มีหน้าตางดงามมาก" ส่วนออเดรย์ก็ได้เห็นถึงภาพของเจ้าของบันทึก ป้ายสุสานของอีกฝ่ายที่ชื่อ "ลินเดลลา"

ด้านฟอลส์ได้พบกับดอเรียน (คนจากตระกูลอับราฮัม) อาจารย์ที่กำลังโดนใครสะกดรอย จึงได้นัดไปพบในห้องพักที่เช่าไว้แทน ดอเรียนได้มอบสูตรน้ำยาระดับ 7 โหราจารย์กับบันทึกการเดินทางของเลมาโนให้กับเธอ ซึ่งมันมีคุณสมบัติในการบันทึกพลังวิเศษที่เห็นได้ ซึ่งมี 3แผ่นที่บันทึกพลังระดับเทพเจ้า (โอกาสบันทึกสำเร็จยาก) มี 10 แผ่นบันทึกพลังพิเศษระดับ 5 กับ 6 (พลังจะเหลือ 50-70%) ส่วนที่เหลืออีก 25 แผ่นจะบันทึกต่ำกว่าระดับ 6 ลงมา (พลังจะเท่าเดิมหรือน้อยกว่าเล็กน้อย) ก่อนได้รับทราบว่า "คนที่สะกดรอยดอเรียนคือลูกศิษย์ที่ทรยศของเขาที่น่าจะเป็นผู้วิเศษระดับ 5 นักเดินทางแล้ว"

ในการเดินทางของไคลน์ เรืออนาคตกับได้พบกับเรือประกาศมรณะของอะกาลีโต ราชันอมตะเข้าโจมตี แคทลียาจึงได้ใช้พลังของเวทย์มนตร์เร่งความเร็วของเรือในการหลบหนี ทำให้เรืออนาคตแล่นถึงทะเลแห่งซากปรักหักพังเร็วกว่าที่คิด พอไปถึงทะเลแห่งซากปรักหักพังพี่เป็นอดีตสมรภูมิของเหล่าทวยเทพ ไคลน์ต้องพบกับซากปรักหักพังมากมายที่เกิดขึ้น และยังได้ยินเสียงต่างๆมากมายที่ดังออกมาจากพลังของเหล่าเทพที่ทิ้งไว้ ทั้งยังเจอสัตว์ประหลาดมากมาย

แคทลียาได้สั่งห้ามให้เข้าไปในซากวิหารต่างๆ ได้แต่แล่นเรือมุ่งหน้าไปยังจุดหมายทันที และเมื่อถึงเวลากลางคืน แคทลียาจึงสั่งให้ทุกคนนอนทันที เพราะผู้ที่ตื่นในยามค่ำคืนจะหายตัวไปอย่างปริศนา ในความฝันที่เป็นความฝันร่วมของทุกคน ไคลน์ได้พบแคทลียาที่นอกอารามสีดำ แคทลียาคล้ายกับเป็นเด็กสาวที่อ่อนแอ ขี้กลัวและขาดความมั่นใจ แตกต่างกับตัวตนปกติ

จากนั้นไคลน์เดินมุ่งหน้าเข้าไปในอารามสีดำคนเดียว เขาได้พบแฟรงค์ที่พยายามปลุกมันของเขา พบฮีธที่ยังซ่อนตัวในเงามืด พบนีน่าที่ดื่มเหล้ากับอาตาลอฟที่เป็นนักเดินเรืออายุเยอะพยายามชวนนีน่ามาแต่งงานด้วย

ไคลน์ยังเดินต่อไปได้พบชายหนุ่มแปลกหน้าที่พยายามต่อเรือบอกว่า "เป็นนักผจญภัยชื่อแอนเดอร์สัน คนดวงซวย" ก่อนที่ไคลน์จะได้เห็นถึงภาพของผู้กลืนหาง โอโรโบรอสที่นำพาผู้คนเดินทางผ่านทะเลลุกเป็นไฟแห่งนี้บนผนังเบื้องหน้า แอนเดอร์สันยังได้บอกถึงการผจญภัยของตนที่เรือแตก เพื่อนกลายเป็นสัตว์ประหลาดและบางคนหายตัวไปในวิหาร จนเหลือเขาคนเดียว ก่อนที่ขวานที่ใช้ในการต่อเรือจะแตกทำให้แอนเดอร์สันบาดเจ็บแล้วไคลน์จึงตื่นจากความฝัน

ในตอนกลางวันไคลน์ได้ลองนอนหลับเพื่อติดต่อยังวิล ออเซ็ปติน (อสรพิษปรอท) ก็ได้รับคำเตือนว่า "ห้ามสำรวจความฝันนั้นอย่างเด็ดขาด"