(สปอย์) ราชันโลกพิศวง เล่ม 15


(สปอย์) ราชันโลกพิศวง เล่ม 15

หลังจากที่ไคลน์ (พระเอก/ผู้วิเศษขั้นที่ 7 นักมายากล) ได้ช่วยจัดการกับร่างแยกของใครบางคนที่แฝงเข้ามาในร่างของเดอร์ริค (เดอะซัน/ผู้วิเศษระดับ 8 ผู้วิงวอนต่อแสงสว่าง) เพื่อแอบเข้ามาสู่สมาคมไพ่ทาโรต์ได้สำเร็จ แต่คอลิน (ประธานของสภา 6 คนขอบนครเงินยวง) กับยังส่งคนมาจับตาดูเดอร์ริคด้วยความสงสัย ต่อมาเมื่อเดอร์ริครายงานถึงเพื่อนที่กลับมาจากการไปสำรวจกับผู้อาวุโสโลเวีย (คนเลี้ยงแกะ) ที่เป็นคนนำทีมที่ได้มีนิสัยเปลี่ยนไป แต่คอลินกับไม่สนใจ

ด้านไคลน์ได้ปลอมตัวเป็นตำรวจเพื่อไปสอบถามถึงเจ้าของบ้านเลขที่ 48 ถนนคุ้งน้ำ ทำให้ทราบว่าเป็นบ้านของหมออายุรแพทย์ไวท์ แต่ได้ย้ายออกไปแล้ว เมื่อเขาแอบเข้าไปในบ้านจึงทำให้รู้ว่า "เอ็มลิน (ผีดูดเลือด) มีนิสัยที่ชอบตุ๊กตา"

ด้านแอลเจอร์ (เดอะแฮงแมน/ผู้วิเศษระดับ 7 นักท่องทะเล) ที่ย่อยสลายน้ำยาผู้วิเศษขั้น 7 ได้แล้ว เขากับมีความต้องการถึงสูตรน้ำยาคนสนิทของสายลม (ขั้น 6) และอยากจะรีบเลื่อนขั้นเป็นผู้ขับขานแห่งท้องทะเล (ขั้น 5) ภายใน 3 ปีโดยไม่ให้ใครรู้ เพราะเขาหวังจะได้ตำแหน่งคาร์ดินัลของลัทธิเจ้าพายุ และยังสนใจถึงไพ่ที่คว่ำอยู่บนโต๊ะข้างมือของเดอะฟูล (ไคลน์) คือไพ่อะไรกันแน่

ด้านมาดามแมรี่ (กรรมการสิ่งแวดล้อม) ที่ได้รับจดหมายขู่จึงมาปรึกษาไคลน์ที่ใช้ฐานะของนักสืบมอริอาร์ตี ไคลน์จึงบอกว่า "ถ้าวันสองวันนี้มีคนติดต่อให้เปิดเผยเรื่องมลพิษทางสิ่งแวดล้อมกับสำนักพิมพ์ ก็แสดงว่าไม่มีอะไรแล้ว" ซึ่งพอแมรี่กลับบ้านไปก็มีลอร์ดฮิบเบิร์ตมาเยี่ยม แถมยังเสนอให้หานักหนังสือพิมพ์มาทำข่าวเรื่องสิ่งแวดล้อม

ด้านไคลน์จึงไปที่วิหารแห่งความอุดมสมบูรณ์ของบิชอปอูทราฟสกี เพื่อที่จะช่วยปล่อยตัวผีดูดเลือดเอ็มลิน ไวท์ ตามที่ได้รับการติดต่อให้สืบหาอีกฝ่ายที่หายตัวไป แต่กับพบว่า "เอ็มลินได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้ว แถมยังสวมชุดบาทหลวงของลัทธิเทพมารดรแห่งแผ่นดิน

นอกจากนี้อูทราฟสกียังปล่อยให้เอ็มลินกลับบ้านได้" จึงสร้างความประหลาดใจให้กับไคลน์ แต่เมื่อพูดคุยกับเอ็มลินจึงทราบว่าเขาน่าจะโดนวัตถุดิบปิดผนึกที่ชื่อว่า "เทียนมายาหลอนใจ" ทำให้อยากกลับมาวิหาร ปฏิบัติตนเป็นนักบวช ก่อนที่ไคลน์จะพาเอ็มลินกลับไปส่งยังบ้าน โดยเขาเรียกค่าตอบแทนอยากให้ช่วยไปรักษาผู้ป่วยคนนึง

ซึ่งไคลน์ก็ได้พาเอ็มลินไปรักษาคุณนายดอริส ที่ป่วยหนักเหลือเวลาแค่ 3-4 ปี เอ็มลินได้ช่วยบรรเทาอาการป่วยของเธอ ก่อนจะแนะนำให้ทนายเจอร์เกนควรจะพายายย้ายไปอยู่ทางใต้ที่อากาศอบอุ่นกว่า เพราะจะเป็นผลดีต่อสุขภาพ

เมื่อเสร็จงานไคลน์จึงเขียนจดหมายติดต่อไปยังนักสืบสจวร์ตที่มอบงานให้เขา เพื่อให้ติดต่อไปยังคู่สามีภรรยาไวท์ ให้ทราบถึงการกลับมาของลูกชายแล้ว ทำให้เขาได้รับค่าจ้างเป็นส่วนแบ่งมา 30 ปอนด์

ต่อมาไคลน์ที่ได้ข่าวจากโคห์เลอร์ที่เขตตะวันออก ทำให้ทราบว่า "เดซี่ที่เป็นลูกสาววัย 13-14 ปีของลิฟที่รับจ้างรีดผ้าโดนลักพาตัวไป เขาจึงอาสาที่จะตามสืบหาตัวให้

ด้านฟอลส์ (เดอะ เมจิกเชี่ยน/ผู้วิเศษระดับ 9 นักเรียนฝึกหัด) ได้พบกับลอเรนซ์ พี่สามีของมาดามอันลิซาที่เป็นคนชักนำให้เธอกลายเป็นผู้วิเศษ ลอเรนซ์ได้สอบถามเรื่องของอันลิซาและสามี ซึ่งฟอลส์ก็ได้บอกว่า "ทั้ง 2 ได้เสียชีวิตไปแล้ว" สร้างความผิดหวังให้กับลอเรนซ์ที่คิดจะหาวิธีสลายคำสาปของตระกูลอับราฮัม

แต่ฟอลส์ที่กลัวจะมีปัญหาตามมาจึงมาขอความช่วยเหลือจากเดอะฟูล ไคลน์จึงใช้ตุ๊กตากระดาษขัดขวางการทำนายของอีกฝ่าย แต่ฟอลส์ที่เห็นภาพตุ๊กตากระดาษของไคลน์เป็นเทวทูตที่มีปีก 12 คู่จึงสงสัยตัวตนของเดอะฟูลและทั้งประหลาดใจถึงปีกของเทวทูตที่เป็นสีดำ

ไคลน์ที่ตามหาเดซี่ที่หายตัวไป จึงทำให้ทราบว่า "เธอโดนลูกน้องพ่อค้ามนุษย์คาพีมลักพาตัวไป" ไคลน์ยังทำนายได้ถึงอันตรายจึงระมัดระวังตัว ไคลน์จึงได้เข้าสู่โลกหมอกสีเทาเพื่อป้องกันการตามรอยย้อนกลับมา แล้วได้จับลูกน้องของคาพีมมาทำการสื่อวิญญาณ จึงทำให้ทราบว่า "ที่คฤหาสน์ของลาพีมมีผู้วิเศษอยู่ถึง 4 คน" โดยเฉพาะฮาร์ราสถึงกับเป็นผู้วิเศษที่มีระดับสูงกว่าเขา อย่างน้อยน่าจะอยู่ระดับ 6 หรือ 5

ไคลน์ที่คิดแล้วว่า "การไม่มีผู้ช่วยจะดีกว่า" เขาจึงเข้าไปสู่โลกแห่งหมอกสีเทาแล้วใช้พลังของไพ่จักรพรรดิดำกลายเป็นร่างวิญญาณเข้าไปยังคฤหาสน์ของคาพีม เพื่อเริ่มการแสดงของนักมายากล โดยไคลน์เลือกลงมือในเวลาที่ทุกคนทานอาหาร เขาได้ใช้ขวดยาชีวพิษ วางยาพิษคาพีม ฮาร์ราส เคธีและพาร์กเกอร์ที่กำลังทานอาหารค่ำ ทำให้ทุกคนได้รับพิษ คาพีมและคนรับใช้ที่เป็นคนธรรมดาจึงได้รับพิษจนไม่สามารถทำอะไรได้ ฮาร์ราสที่ไหวตัวทันจึงสั่งให้รีบเปิดหน้าต่างระบายอากาศ ก่อนที่จะพบร่างวิญญาณของไคลน์ที่มาในร่างของอัศวินสวมเกราะสีดำ สวนมงกุฎสีดำ และด้วยพลังของไพ่จักรพรรดิดำ จึงทำให้สามารถป้องกันการหยั่งรู้และพยากรณ์ได้

ไคลน์จึงโจมตีใส่พาร์กเกอร์ที่อ่อนแอที่สุดจนได้รับบาดเจ็บและพิษกําเริบเป็นคนแรกก่อนที่จะต้องต่อสู้กับฮาร์ราสและเคธี ฮาร์ราสได้สวมถุงมือดำ เพื่อเพิ่มพลังสร้างอาณาเขตกักขัง ไม่ให้สิ่งใดสามารถหลบหนีได้ ในขนาดที่เคธีก็ใช้ทั้งปืนและแส้ในการโจมตีใส่ร่างวิญญาณของไคลน์ จนทำให้ไคลน์ต้องเสียตุ๊กตากระดาษตัวแทนตายไปถึง 3 ตัว เขาคิดว่า "หากตัวที่ 4 ตายก็เตรียมที่จะหลบหนี"

แต่การต่อสู้ถ่วงเวลาของไคลน์ก็ประสบผล เพราะสิ่งที่ไคลน์ต้องการคือการใช้กลิ่นของพิษจากขวดชีวพิษปกปิดกลิ่นแก๊สจากถ่านหินต่างหาก เมื่อห้องที่ถูกปิดกั้นด้วยอาณาเขตของฮาร์ราสมีแก๊สเต็มแล้ว ในขนาดที่เคธีกำลังจะยิงสังหารเขาและฮาร์ราสกำลังจะใช้พลังตัดสินให้เขาตาย ไคลน์ได้ดีดนิ้วทำให้เกิดระเบิดรุนแรง เปลวเพลิงเผาผลาญลุกไหม้อากาศโดยรอบจนทุกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส (ยกเว้นไคลน์ที่เป็นร่างวิญญาณ)

คาพีมกับพาร์กเกอร์ตายจากพิษและแรงระเบิด ส่วนเคธีได้รับบาดเจ็บหนักจน ไคลน์จึงได้ลงมือสังหารเธอ ส่วนฮาร์ราสที่ทั้งบาดเจ็บและได้รับพิษทราบดีว่า "ไม่มีปัญญาจะจัดการกับดวงวิญญาณจักรพรรดิดำได้" จึงได้แต่หลบหนีไป ไคลน์ที่มีจุดประสงค์ในการช่วยคนจึงไม่ได้ตามไป แต่ลงไปห้องใต้ดินต่อสู้กับเบลีซที่เป็นคนเฝ้าคุกใต้ดินแทน แต่เบลีซที่ทราบว่าไม่สามารถต่อสู้กับไคลน์ได้ก็หลบหนีไปอีกคน ทำให้ไคลน์สามารถช่วยเปิดประตูห้องขังให้เดซี่และหญิงสาวทั้งหลายหลบหนีออกมาได้ เมื่อทุกคนหันกับไปมองกับพบยังดวงวิญญาณจักรพรรดิดำบนหลังคา

ต่อมาเอส สเนค ผู้ขับขานแห่งพระเจ้า พระคาร์ดินัลแห่งลัทธิเจ้าแห่งพายุกับคนของมหาวิหารแห่งสายลมศักดิ์สิทธิ์ได้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะพบบนใบหน้าของคาพีมมีไพ่ทาโรต์จัสมินกับดิ เอมเพอเรอที่ไคลน์ทิ้งไว้ เมื่อประกอบกับคดีของลาเนอรุส (นักต้นตุ๋นที่พยายามอันเชิญเทพผู้สร้างที่แท้จริง) ที่มีไพ่ทาโรต์ทิ้งไว้เช่นกัน จึงทำให้สงสัยถึงตัวตนของสมาคมลับที่อาจใช้ไพ่ทาโรต์เป็นสัญลักษณ์ ในขนาดที่นักข่าวเรียกขานผู้ที่ช่วยเหลือหญิงสาวว่า "วีรบุรุษจอมโจร"

ด้านซีโอ (ผู้วิเศษระดับ 8 ผู้พิพากษา) กับได้รับการติดต่อจากชายสวมหน้ากากทองเหลืองที่ขายสูตรน้ำยานายอำเภอให้เธอ เพื่อให้สืบข่าวคดีที่เกี่ยวข้องกับไพ่ทาโร่ให้ จึงทำให้ฟอลส์ที่อาศัยอยู่ด้วยกันทราบข่าวและคาดเดาได้ว่า "น่าจะเกี่ยวข้องกับสมาคมไพ่ทาโร่และเดอะฟูล" ที่เธอเข้าร่วมอยู่

ด้านออเดรย์ (เดอะจัสติส/ผู้วิเศษระดับ 8 นักอ่านใจ) ที่ทราบข่าวก็ยิ่งศรัทธาเดอะฟูลและมโนว่า "เดอะฟูลคือเทพเจ้าผู้มีแผนการที่ยิ่งใหญ่ที่ต้องการจัดการกับเทพผู้ชั่วร้าย" อีกทั้งเธอยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมกับสมาคมเล่นแร่แปรธาตุจิต

ไคลน์ที่ได้ไปที่คลับได้พบกับแอรอน (หมอ) ที่โชคร้ายจากของที่วิล (เด็กที่มีไพ่กงล้อแห่งโชคชะตา) มอบให้ แอรอนจึงจ้างให้ไคลน์ช่วยคุ้มกันตนไปหาวิลที่บ้าน แต่วิลที่ตัดขาจากอาการป่วยกับย้ายออกไปแล้ว คืนต่อมาแอรอนก็ฝันร้ายอีก แอรอนจึงได้เล่าถึงเขาไปหยิบนกกระสากระดาษที่วิลเคยให้จึงทำให้เขาฝันร้ายอีกครั้งถึงวิลถูกขังอยู่บนหอคอย แล้วมีงูสีเงินเฝ้าอยู่ ไคลน์จึงปลอบอีกฝ่ายบอกให้ไปให้โบสถ์ช่วยทำพิธีให้

พอตกดึกไคลน์ได้แอบเข้าไปในบ้านของแอรอน เข้าไปในความฝันของอีกฝ่ายเห็นถึงเหตุการณ์ความฝันของแอรอน เห็นถึงหอสูงสีดำที่วิลซ่อนตัวอยู่และงูยักษ์สีขาวอมเงินที่กำลังจะกินวิล ไคลน์ยังมองเห็นถึงไพ่ในมือวิลคือวีล ออฟ ฟอร์จูน (กงล้อแห่งโชคชะตา) ก่อนที่ความฝันจะสลาย ไคลน์จึงแอบสับเปลี่ยนนกกระสาของแอรอนกลับมา แต่นักท่องราตรีที่เป็นมารฝัน ซึ่งสงสัยเรื่องนี้กับมาหาไคลน์ในความฝัน เพราะทราบว่า "เขาทำงานให้กับแอรอน" และไคลน์ยังพบว่า "นักท่องราตรีได้สับเปลี่ยนนกกระสาของเขาไปแทน"

ต่อมาเมื่อถึงเวลาประชุมสมาคมไพ่ทาโร่แอลเจอร์จึงได้ใช้บันทึกของจักรพรรดิโรเซลล์ (รุ่นพี่ชาวจีนที่หลงมาต่างโลกก่อน) 3 หน้า เพื่อแลกกับการอยากรู้ถึงไพ่ที่ข้างตัวเดอะฟูล และทำให้ฟอลส์ที่ได้ยินถึงกับหูกางตั้งขึ้นมาทันที